หากมีสิ่งที่ผมสามารถจะขอให้กลับคืนมาได้ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ผมขอเลือก เวลา แม้ว่าในบางเรื่องราวสำคัญในชีวิตของเรา ดูเหมือนว่าจะได้ใช้เวลาไปอย่างมีคุณค่า และทรงประสิทธิภาพแล้วก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ถ้าเมื่อเรามองย้อนกลับไปนั้น มักจะเห็นข้อบกพร่องที่สามารถแก้ไขได้เสมอ เพียงแต่ว่าเราไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขได้เท่านั้น ผมยังไม่เชื่อคำกล่าวที่ว่า สิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันคือเวลา ด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาของชีวิตหนึ่งที่จากไปนั้น ย่อมไม่เท่ากับของอีกชีวิตหนึ่งที่จากไป แต่ผมมีความเชื่อเรื่อง ความเท่ากันของเวลาสำหรับทุกชีวิตที่กำลังแย่งอากาศกันหายใจอยู่ เพราะในขณะใดขณะหนึ่ง หากมีการดำรงอยู่ของหลาย ๆชีวิต ในช่วงเวลานั้น โอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับพวกเขาก็คือ เวลา หากทว่ามีนับแสน นับล้านหนทางให้เลือก ที่จะใช้จ่ายเวลาของแต่ละชีวิต บางคนอ่านหนังสือ ในขณะที่อีกคนกำลังดูทีวี บางคนนั่งกินเหล้า แต่อีกคนกินข้าว คนหนึ่งนอนหลับ อีกคนกำลังย่องเบา และอยากให้คุณคิดต่อไปอีกสักนิดครับว่า ในค่ำคืนบนซีกโลกหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข มีคนคนหนึ่ง หรือหลายคน กลุ่มหนึ่ง หรือหลายกลุ่ม แต่ก็นับว่าเป็นส่วนน้อยนิด ที่กำลังรังสรรค์ผลงาน ที่จะเป็นผลดีต่อตัวเขาเอง ครอบครัวของเขา หรือสังคมเล็ก ๆ ประเทศชาติ หรือแม้แต่ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก แต่ละคนมักมีข้ออ้างถึงความสำคัญที่จะต้องทำกิจกรรมหนึ่งๆเสมอ แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหมว่า เราสามารถแยกแยะได้ว่ากิจกรรมไหนทรงคุณค่ากว่ากันสำหรับเรา
ผมจึงเปรียบเวลาเหมือนกับก้อนอัญมณี ที่มีค่าที่สุดในโลก ที่ทุกชีวิตที่ยังมีลมหายใจอยู่ จะได้รับมาก้อนละเท่า ๆกันใน 1 วัน หรือ 1 ชั่วโมง และแม้แต่ 1นาที เพียงแต่ว่าใครจะใช้จ่ายมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน อัญมณีก้อนแล้วก้อนเล่าจะถูกหยิบยื่นมาให้กับทุกชีวิต ในทุก ๆเช้าของวันใหม่ หรือชั่วโมงใหม่เสมอ แต่คุณไม่สามารถที่จะเก็บ สะสมมันได้เลย หน้าที่ของทุกคนคือ ต้องใช้จ่ายมันให้หมดไป และรอรับอัญมณีก้อนใหม่ในเวลาถัดมา คุณต้องใช้เวลาเพื่อแลกเปลี่ยน ให้ได้มาถึงสิ่งที่คุณวาดหวังไว้ บางคนสามารถแลกเปลี่ยนให้ได้สิ่งที่ประสงค์ไว้ได้เพียงอย่างเดียว แต่บางคนก็สามารถแบ่งก้อนเวลานั้น และแลกเปลี่ยนจนได้สิ่งที่ต้องการมาได้หลายอย่าง บางคนหยุดนิ่ง เฉยเมย ท้อถอย และปล่อยให้เวลาหมดไปอย่างไร้คุณค่า ในขณะที่อีกคนอดทน บากบั่น กอดก้อนเวลานั้นไปไขว่คว้าเอาความสำเร็จมาได้อย่างสวยงาม และยังคงตั้งตาคอยรอรับ อัญมณีก้อนใหม่ที่พวกเขา เห็นพ้องต้องกันว่ามันงดงาม และทรงคุณค่ามากกว่าเดิม และพร้อมที่จะใช้มันให้หมดไปอย่างคุ้มค่ามากที่สุด
มีมากมายหลายสิ่งบนโลกใบนี้ที่เรารู้สึกว่ามีค่า ครอบครัว การงาน สุขภาพ และทรัพย์สิน แต่โปรดเชื่อเถิดว่า เวลาที่ถูกใช้ไปในแต่ละช่วงชีวิตนั้น เป็นต้นกำเนิด และมีผลกระทบกับทุก ๆสิ่งข้างต้นนั้น หากเราใช้เวลาไปกับการออกกำลังกาย และการโภชนาการที่ดี เราย่อมได้รับสุขภาพที่ดีตอบแทนกลับมา หากเราใช้เวลาไปกับการหาความรู้ ไตร่ตรอง แก้ปัญหา แน่นอนว่าเราจะประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน เรื่องอื่น ๆก็เช่นเดียวกัน
เป็นที่ชัดเจนว่าความสำเร็จ และความล้มเหลวทุก ๆส่วนของชีวิตของแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับการใช้เวลาไปเพื่อกิจกรรมใด ทุกสิ่งทุกอย่างทีคุณสูญเสียไปเกือบทั้งหมด คุณสามารถที่จะสร้างขึ้นมาทดแทนได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้เลย ก็คือเวลา เป็นเรื่องดีไม่น้อยใช่ไหมครับ ที่เราจะใช้เวลาสักครึ่ง หรือหนึ่งชั่วโมงเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของเวลา เพื่อหาวิธีที่จะจัดการกับมัน
1. คุณต้องเข้าใจว่า เวลา เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดในโลก
ถ้าเทียบเคียงกับทรัพย์สินอันมีค่าอื่น ๆกับเวลาแล้ว ความแตกต่างก็คือ เวลาไม่ต้องไปขวนขวายหามา แต่ทรัพย์สินอื่นต้องทำ เวลาไม่สามารถสะสมได้ แต่ทรัพย์สินอื่นทำได้ เวลาไม่สามารถเช่า ซื้อ หรือหยิบยืมกันได้ แต่ทรัพย์สินอื่นทำได้ เวลาไม่สามารถจัดเก็บ บันทึก ประหยัด หรือต่ออายุได้ แต่ทรัพย์สินอื่นทำได้ เวลาจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากเหลือเกิน ที่แม้นว่าเราไม่ได้ใช้มันเพื่อทำอะไรเลย มันก็จะหมดไป และเอากลับคืนมาไม่ได้ตลอดกาล นี่ก็คือเวลาที่เป็นด้านเดียวของชีวิต ที่ทำให้เราทุกคนรู้สึกได้ว่ามีความเสมอภาคกันอย่างแท้จริง ทุกลมหายใจของแต่ละชีวิตจะมีเวลาเป็น ชั่วโมง นาที ที่เหมือนกัน และเท่ากันทุกวัน คนที่อยู่บนภูเขาสูงก็ไม่ได้มีชั่วโมงที่ยาวนานกว่าคนที่อยู่บนพื้นราบ คนที่ร่ำรวยไม่สามารถซื้อหาเวลามาจากคนยากจนได้ คนที่แข็งแรงกว่าก็ไม่สามารถที่จะแย่งชิงเวลามาจากคนที่อ่อนแอกว่าได้ เวลาจึงเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตได้รับการหยิบยื่นให้อย่างเท่าเทียมกัน
2. เวลาคือชีวิตของคุณ และคุณเป็นผู้กำหนดมูลค่าของเวลานั้น
อย่างที่ทราบกันแล้วว่า เวลาเป็นทรัพย์สินเฉพาะเจาะจงของแต่ละคน ที่ทรัพย์สินนี้ไม่สามารถแบ่งปัน หยิบยืม ซื้อ ขาย ระหว่างกันได้ เวลาของคุณจึงเป็นชีวิตของคุณเอง ที่คุณเป็นเพียงผู้เดียวที่จะสามารถใช้มันได้ และวิธีการใช้เวลาอย่างไรนั้นจะกำหนดคุณค่าของตัวคุณเอง ว่ามีมากน้อยอยู่เท่าไร หากมีใครสักคนเที่ยวพูดว่า สุขภาพที่ดีมีความสำคัญต่อชีวิตเขาเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงใช้ชีวิตอย่างยุ่งเหยิงจนไม่สามารถเจียดเวลามาเพื่อการออกกำลังกาย หรือกินอาหารดี ๆอย่างนี้ก็ไม่ใช่แล้ว อีกคนหนึ่งบอกว่าเรือกสวน ไร่ นาที่ได้รับมาจะด้วยวิธีใดก็ตาม สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับครอบครัวได้ แต่ไม่เคยเข้าไปดูแล ทำนุบำรุง และเก็บเกี่ยวผลผลิต อันนี้ก็ไม่ใช่อีกเหมือนกัน อีกสักคนที่พูดว่าอาชีพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตเขา แต่เขาไม่เคยลงทุนด้านเวลากับการหาความรู้ เพื่อดำเนินอาชีพตามที่ฝันไว้เลย สิ่งนี้ก็ไม่ใช่เช่นกัน คนเหล่านี้นี่เองจะถูกตั้งคำถามจากผู้คนโดยทั่วไปว่า พวกเขาเหล่านั้นมีมูลค่าที่แท้จริงอยู่สักเท่าไร ก่อนที่เราจะใช้เวลากับกิจกรรมใด ๆ โปรดใช้เวลาสักครู่หนึ่งคิดถึงมัน และไตร่ตรอง ด้วยการถามตัวเองเสียก่อนว่า กิจกรรมนั้นมันมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน ถ้าพบว่ามันมีคุณค่ามากพอ ก็จงทุ่มเท และเริ่มใช้จ่ายเวลาให้กับมันอย่างเต็มที่จนเกิดผลสำเร็จ
3. ทำความเข้าใจกับธรรมชาติที่ยุ่งเหยิงของเวลา
ดูเหมือนว่าจะหาคนที่มีเวลามากพอไม่ได้เอาเสียเลย ทุกคนล้วนอ้างว่าไม่มีเวลา ทั้ง ๆที่เวลาได้ถูกหยิบยื่นให้กับทุกคนตลอดอย่างทัดเทียมกัน เป็นเรื่องง่ายมากที่จะทำชีวิตให้ดูวุ่นวาย เพื่อเป็นข้ออ้างว่าเราไม่มีเวลา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะจัดการให้มีเวลามากพอ ที่จะทำอีกกิจกรรมที่สำคัญได้ในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง หลายครั้งที่เราพยายามที่จะแสดงให้คนอื่นรู้ว่าชีวิตของเรามันวุ่นวายมากแค่ไหนกับเวลาที่มีอยู่น้อยนิด แต่หากใคร่ครวญดูให้ดี เราอาจพบว่ามันเป็นเพียงความสับสนในขั้นตอนต่าง ๆที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ และจงหาวิธีที่จะจัดการกับมัน ถึงตอนนั้นเราจะพบว่ามีเวลามากพอสำหรับทำกิจกรรมสำคัญที่เราวางแผนเอาไว้ โดยที่กิจกรรมสำหรับชีวิตด้านอื่น ๆไม่เสียหายไป
4. ทำความเข้าใจเรื่อง ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ทั้งสองคำนี้ฟังดูดี แต่ไม่เหมือนกัน คำว่าประสิทธิภาพ ( efficient ) หมายถึงการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีความชัดเจนในขั้นตอนการดำเนินงาน และวิธีการทำงาน จนงานนั้นลุล่วงไปด้วยดี และทันเวลา ในขณะที่คำว่าประสิทธิผล ( effective ) หมายถึงการลุล่วงไปของงานที่เกิดจากการเลือกงานมาทำอย่างเหมาะสมกับเวลา หากต้องอธิบายก็พอจะทำได้อย่างนี้ว่า ประสิทธิภาพ คือการทำงานที่อยู่ตรงหน้าคุณเพียง 1 อย่างด้วยวิธีการที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่ประสิทธิผล คือการที่คุณอาจจะ หรืออาจจะไม่ทำงานที่อยู่ตรงหน้าคุณเสียทีเดียว แต่สิ่งที่คุณต้องทำมากที่สุดก็คืองานที่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง
หากมีงานอยู่สามอย่างกองอยู่บนโต๊ะทำงานของคุณ หน้าที่ของคุณก็คือมองไปที่งานทั้งหมดที่คุณต้องทำ ต่อมาคุณต้องใช้ประสิทธิผลเลือกงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวขึ้นมาทำก่อน และคุณต้องทำงานที่คุณเลือกมาแล้วนั้นด้วยประสิทธิภาพ การเป็นนักจัดการเวลาที่ดีนั้นต้องสามารถผสมผสานทักษะทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน และใช้มันได้อย่างราบรื่น ถึงตอนนี้เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการ และฝึกฝนทำมันอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะได้ผลผลิต ( productivity ) ที่ดี ชีวิตของคุณก็จะง่ายขึ้น การมุ่งไปสู่ความสำเร็จก็จะราบรื่นตามไปด้วย
อย่างที่บอกกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผู้คนโดยทั่วไปมักอ้างว่าตนเองนั้นมีงานมากมายยุ่งเหยิงให้ทำตลอดเวลา จนไม่สามารถเจียดเวลาไปทำงานอื่น ๆที่สำคัญ หลายคนเฝ้ารอเวลาที่จะเฉลิมฉลองเมื่องานประจำวันนั้นเสร็จสิ้นลงแล้วเพียงเท่านั้นจริง ๆ
5. สละเวลาเพื่อเรียงลำดับความสำคัญของงานจำนวนมาก
เมื่อมีงานจำนวนมากมากองอยู่ตรงหน้า ปัญหาก็คือว่าความสนใจจะกระจัดกระจาย จนไม่สามารถโฟกัสไปที่งานใดงานหนึ่งได้ ความสับสนที่บังเกิดขึ้นจะสร้างความวุ่นวายตลอด จนดูเหมือนไม่อาจทำอะไรให้เสร็จสิ้นลงไปได้แม้แต่อย่างเดียว สุดท้ายมันจบลงด้วยความน่าสงสาร และความน่าสมเพช ถ้าคุณสละเวลาอ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ผมเชื่อว่าคุณคงไม่อาจปล่อยให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณเป็นอันขาด สิ่งหนึ่งที่คุณทำได้ก็คือ คุณต้องระบุให้ได้อย่างละเอียดว่า งานของคุณนั้นมีปริมาณมากเท่าไร จดงานทั้งหมดนั้นลงบนกระดาษ จากนั้นให้คุณพิจารณาดูในสองหัวข้อหลักต่อไปนี้คือ
ประการที่1 พิจารณาความสำคัญของงานแต่ละอย่าง และจงเรียงลำดับมัน จากสำคัญมากที่สุด ไปจนถึงสำคัญน้อยที่สุด
ประการที่ 2 ให้คุณพิจารณาความเร่งด่วนของงานทั้งหมดที่มีอยู่ในมือคุณ และเรียงลำดับมัน จากเร่งด่วนมากที่สุด ไปจนถึงเร่งด่วนน้อยที่สุด
ซึ่งคงใช้เวลาไปไม่มากนัก และจะสามารถทำให้คุณเลือกงานที่จะต้องทำก่อนหลังตามลำดับได้สะดวก และง่ายขึ้นมาก งานจะทยอยเสร็จไปทีละส่วนอย่างสมบูรณ์แบบ
6. หนูถีบจักร ตัวอย่างความล้มเหลวของการใช้เวลา
บ้านเราเรียกหนูถีบจักร แต่ฝรั่งเรียกหนูแฮมสเตอร์ คุณนึกออกใช่ไหมที่คนนิยมไปซื้อหนูตัวเล็ก ๆมาใส่ไว้ในกรง ข้างในกรงนอกจากมีถาดวางอาหาร และน้ำกินสำหรับมันแล้ว ยังต้องมีเครื่องเล่นเป็นล้อหมุนติดตั้งอยู่ เด็ก ๆจะชอบใจนักที่เห็นหนูของเขาวิ่งสนุกสนานอยู่บนล้อหมุน เจ้าหนูน้อยจะเริ่มวิ่งอย่างช้า ๆ และเร็วขึ้น ๆโดยที่ตัวมันเองไม่สามารถเคลื่อนที่ออกไปจากจุดเดิมได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะในแนวนอน หรือแนวตั้ง เจ้าหนูน้อยรู้แต่เพียงว่ามันต้องวิ่ง และวิ่งไปเรื่อย ๆ เพราะหากมันหยุดวิ่งเมื่อไร ตัวมันก็จะตกลงมาสู่พื้นกรงทันที หลายคนใช้เวลาในการทำงานแบบหนูถีบจักรนี้ ต้องทำงานอย่างรีบเร่ง และไม่มีทีท่าว่างานนั้นจะเสร็จสิ้นลงไปได้เลย เป็นงานที่รีบด่วน และมีมากมาย จนบางครั้งรู้สึกว่า งานมันไม่ได้เดินไปไหนเลย และมันคงอยู่กับที่ เพียงแต่ว่าเขาต้องทำ และต้องทำ มีคำแนะนำง่าย ๆอย่างนี้ว่า
::: จงแยกแยะรายละเอียดของกิจกรรมที่คุณทำอยู่ แล้วพิเคราะห์ดูให้แน่ชัดไปเลยว่า กิจกรรมปลีกย่อยอันใดบ้างที่คุณควรเอาออกไปจากชีวิตของคุณ ง่าย ๆก็คือ หากกิจกรรมใดที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันสามารถเพิ่มพลังให้กับชีวิตคุณ หรือมีคุณค่ามากพอ จงรักษามันเอาไว้ แต่ถ้าเมื่อใดที่มันทำให้คุณรู้สึกว่า ไม่ใช่แล้ว ขอให้คุณรีบกำจัดมันออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
::: หากรายละเอียดปลีกย่อยของกิจกรรมดังกล่าวนั้น คุณคิดว่าไม่ควรกำจัดอะไรออกไปได้เลย คุณควรพิจารณาถึงนาฬิกาชีวิตของคุณเอง ว่าช่วงเวลาใดกันหนอที่คุณรู้สึกว่ามีพละกำลัง และสติปัญญาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จนสามารถทำเรื่องยาก ๆให้ผ่านพ้นไปได้โดยง่าย ให้คุณเอาช่วงเวลานั้นแหละมาทำส่วนที่ยากที่สุดของกิจกรรมย่อยนั้น ที่เหลือจะเป็นกิจกรรมง่าย ๆที่ทำช่วงไหนก็ได้ วิธีนี้จะทำให้คุณมองเห็นหนทางสว่างได้บ้าง
::: ไม่ควรจับกิจกรรมหลากหลายยัดเข้าไปในชั่วโมงทำงานเดียวกัน พวกมันจะทำให้คุณเครียด และแน่นอนประสิทธิภาพการทำงานของคุณก็จะลดลงไปได้อย่างมากมาย
::: การมีกิจกรรมสำคัญที่หลากหลาย ในบางครั้งจำเป็นจริง ๆครับว่า คุณต้องทำให้ชีวิตช้าลงนิดหนึ่ง ถามตัวเองว่าทำไมต้องรีบเร่ง และถ้าเราไม่รีบเร่งจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง หลังจากนี้คุณจงพยายามแยกให้ออกว่า สิ่งไหนจำเป็นจริง ๆ และสิ่งไหนจำเป็นหลอก ๆ คุณก็จะรีบในส่วนที่จำเป็น และช้าลงหน่อยในส่วนที่ไม่จำเป็น ขอให้คุณอ่านทบทวน และคิดด้วยอีกสักครั้งในข้อนี้ เพราะมันหมิ่นเหม่เหลือเกินที่จะสร้างความเข้าใจผิด โดยเฉพาะพวกที่ชอบหาข้ออ้าง และพวกที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น
::: หากคุณต้องการเพิ่มกิจกรรมใหม่ ๆขึ้นมา วิธีที่ดีวิธีหนึ่งก็คือ จงแทนที่กิจกรรมใหม่นั้น โดยกำจัดกิจกรรมเก่า อันใดอันหนึ่งที่คุณภาพไม่ดีออกไปเสียก่อน
จากข้างต้นนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเวลา ที่จะทำให้คุณสามารถทำความเข้าใจเรื่องเวลาได้ดียิ่งขึ้น จนถึงบรรทัดนี้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะใช้มันให้มีคุณค่ามากที่สุด จงตัดสินใจให้ได้จริง ๆเสียทีว่าคุณต้องการใช้เวลาเพื่อกิจกรรมใด ถ้าคุณต้องการมีหุ่นดี ๆ คุณใช้มันไปกับการออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส ถ้าคุณต้องการมีผลงานด้านการเขียน ก็จงจับปากกาขึ้นมาเขียนซะ ถ้าใฝ่ฝันอยากเป็นอยากเป็นนักคณิตศาสตร์ ก็จงอ่านให้มาก และทำโจทย์คณิตศาสตร์เยอะ ๆ ให้หาแนวทางที่เหมาะสม และถูกต้อง ไม่ใช่มัวแต่มานั่งอัพเดทเฟสบุ๊ค หรือดูละครวันละหลาย ๆชั่วโมง กิจกรรมเหล่านั้นมันจะกินเวลาของคุณไปจนหมด และนั่นแหละคุณจะได้ชื่อว่าเป็นนักจัดการด้านเวลาที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ผมคงจะเขียนบทความนี้เป็นบทความสุดท้ายในบล็อกนี้ เนื่องจากว่ามันเติบโตมาพอสมควรแล้ว จึงอยากหาที่อยู่ใหม่ให้กับมันอย่างเหมาะสม และมั่นคงขึ้น ทุกบทความในบล็อกนี้ผมไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่จะทำให้ google สั่งแบนได้เลย แต่ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นมาอย่างนั้นจริง ๆผมคงจะรู้สึกเสียดายมาก เพราะเป็นบล็อกแรกที่ทำขึ้นมา เป็นครูที่ต่อยอดให้ผมสร้างบล็อกอื่น ๆเพิ่มขึ้น จนพอมีค่าขนมบ้างเล็ก ๆน้อย ๆ ผมคงไม่ได้มีบทความอัพเดทในบล็อกนี้ แต่อาจมีข้อความที่ชี้ไปที่ที่อยู่ใหม่ของมัน บทความทีเผยแพร่ไปแล้วยังคงมีอยู่ และไม่มีการปิดบล็อกนี้แต่อย่างใด ท่านติดตามบทความใหม่ได้จากที่อยู่ใหม่ ซึ่งผมจะเรียนให้ทราบในภายหลังครับ อีกนิดนะครับว่าผมยังรัก blogger อยู่ไม่เปลี่ยนแปรครับ
สำหรับวันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับผม