ฝนพรำร่ำ ร้องทั่ว ธรณี
กบเขียดเปล่ง วจี เซ็งซ่าน
เย็นฉ่ำดุจ วารีนะ นิ่มน้องนงคราญ
ยามพี่บ่ พบพานเจ้า ให้เร่าร้อนทรวงหทัย
ผิว่าแสง ทองส่องทาบ อาบพื้นหล้า
ปีนรุ้งข้าม ไปถามฟ้า ฤๅไฉน
ฟ้าเอ๋ยฟ้า ดวงใจข้า อยู่หนใด
ใกล้ฤๅไกล ร้องร่ำ พร่ำละเมอ
ทิวหญ้าเขียว ต้องลมพริ้ว ปลิวสบัด
ฝากลมพัด พันหมื่นคำ ที่พร่ำเพ้อ
ฝากลมพัด พันหมื่นคำ ที่พร่ำเพ้อ
กระซิบว่า ข้ารักเธอ และรักเธอ……
ยามลมเจอ วานเล่า ให้เจ้าฟัง
วารีไหล ลดเลี้ยว เป็นเกลียวคลื่น
ใจสะอื้น ยามพี่ตื่น ฟื้นความหลัง
โอ้ว่ารัก ของตัวข้า หาจีรัง
แม้นชีพยัง แต่ใจคล้าย มลายราญ
เรื่องสัพเพเหระ ตอนนี้ไม่ใช่บทความหรอกครับแต่เป็นสัพเพเหระคำกลอนหวาน ๆที่ผมแต่งเองคือเรื่องของเรื่องไม่ใช่เพราะว่ามีความรัก เพียงแต่ว่าเสียดายโคลงสี่สุภาพที่อยู่ในบทแรกน่ะครับเขียนไว้นานมากแล้วตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ ม.3 ครูให้เขียนกลอนแปดส่งเพื่อเอาคะแนน ผมเขียนด้วยใจที่ชอบโคลงสี่สุภาพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จากเขียนกลอนแปดอยู่ดี ๆก็กลายเป็นโคลงสี่สุภาพไปซะงั้น ครูบอกว่า “ถ้าคำสั่งให้แต่งโคลงสี่สุภาพฉันอาจจะให้คะแนนเธอเต็ม แต่คำสั่งให้แต่งกลอนแปดอันนี้ฉันจะให้เธอสามคะแนนในฐานะที่เธอส่งงาน” ผมงี้จำโคลงบทนี้ขึ้นใจเลยครับ ตอนแรกผมจะเขียนบทความแต่ก็ติด ๆขัด ๆยังไงไม่รุ ไอ้เพื่อนก็เชียร์จังว่า “มึงแต่งกลอนเถอะ เอาแนวแอบ ๆรัก คิดถึง ๆ น้อยใจ หรืออกหักยังเงี้ย คนเขาชอบอ่าน” ผมก็เลยนึกถึงโคลงสามคะแนนของผมได้เลยเอามาไว้เป็นบทแรกเลยครับ และก็เขียนเพิ่มอีกบทเป็นกลอนแปดก็กะว่าพอแล้ว พอไอ้เพื่อนมันมาอ่านมันก็บอกเอาอีก ๆเท่านี้มันน้อยไปเดี๋ยว ‘bot ไม่มาเก็บข้อมูล ผมก็นั่งหลังขดหลังแข็งแต่งต่อจนได้อย่างที่เห็นนี่แหละครับ กว่าจะแต่งเสร็จปาเข้าไปร่วมสองชั่วโมง ไอ้เพื่อนเอี้ยกูเหนื่อยนะะะะ
One thought on “บทกลอน: คิดถึง”
มดมารุม