เรื่องสัพเพเหระ ในบทความนี้เก็บตกเรื่องดี ๆของชายชาวจีนคนหนึ่งที่ผันตัวเองจากครูสอนภาษาอังกฤษที่ได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ 500 บาท มาเป็นเจ้าของ website ขายสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 750000 ล้านบาทได้เพราะการที่เขาไม่ยอมแพ้และมีศรัทธามุ่งมั่นที่จะทำความฝันของตัวเองให้ประสบความสำเร็จให้จงได้แม้จะพบอุปสรรคมากมาย และต้องใช้เวลายาวนานขนาดไหนก็ตาม เราลองมาติดตามเบื้องหลังชีวิตมหัศจรรย์ของ แจ็ค หม่าผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ อาลีบาบากันครับ
โพรไฟล์ห่วย ๆของ แจ็ค หม่า ที่แฝงปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้ง
แจ็ค หม่า เกิดเมื่อ 15 ตุลาคม 1964 ตอนนี้ก็มีอายุประมาณ 53 ปี ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เขาเองเล่าว่าสมัยเป็นเด็กนั้นเขาเป็นเด็กที่เรียนหนังสือไม่เอาถ่าน สอบตกในวิชาคณิตศาสตร์ และต้องเรียนซ้ำชั้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็มานะพยายามเรียนจนจบชั้นมัธยม เขาก็เหมือนวัยรุ่นมัธยมทั่วไปแหละครับที่เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมแล้วก็ต้องขวนขวายที่จะสอบแข่งขันให้ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยให้ได้ อย่างที่บ้านเราเรียกว่า entrance นั่นแหละ แจ็ค หม่าพยายามสอบแข่งขันถึงสองครั้งก็ไม่สามารถสอบได้ เรียกว่าไม่สามารถเอาดีในการเรียนในระบบได้เลย ระหว่างนั้นเขาก็ครุ่นคิดว่าทำอย่างไรดีหนอในเมื่อเขาไม่ฉลาดเอาเสียเลยในเรื่องการเรียนหนังสือ ลำพังจะมัวสอบแข่งขันซ้ำ ๆ ซาก ๆอยู่นั้นก็คงไม่เป็นโล้เป็นพายแน่แท้เชียว ก็ค้นหาตัวเองว่ามีอะไรที่ตัวเองสนใจและพอไปได้บ้าง ก็พบว่าเขาเองนั้นเป็นคนชอบภาษาอังกฤษ ตอนที่เขาไปเกาหลีใต้และได้รับเชิญให้ไปบรรยาย เขาเล่าให้เด็กวัยรุ่นชาวเกาหลีฟังในตอนหนึ่งว่าเขาเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองโดยการที่ตื่นขึ้นมาตอน ตี 4 ตี 5 ทุก ๆวันแล้วขี่จักรยานที่ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 45 นาทีเพื่อที่จะมาป้วนเปี้ยนหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองหางโจว ซึ่งตอนนั้นจีนเพิ่งเปิดประเทศจึงมีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาพักอยู่บ้าง แจ็ค หม่าสร้างโอกาสให้กับตัวเองในการฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยการอาสาเป็นไกด์พาฝรั่งไปเที่ยว ทำอย่างนี้ทุก ๆวันจนภาษาอังกฤษของเขาดีขึ้นเป็นลำดับ เขาเข้าสอบเพื่อเรียนต่อที่วิทยาลัยครูแห่งหนึ่งได้ และเลือกเรียนเอกภาษาอังกฤษ หลังจากจบการศึกษาก็มาสมัครงานเพื่อเป็นพนักงานขายไก่ KFC แต่คุณเชื่อไม้ครับว่า KFC ไม่ได้รับเขาเข้าทำงานหรอกครับ แจ็ค หม่า ได้รับการบรรจุเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยเรื่องราวชีวิตของเขาที่ดูเหมือนจะติดลบเอาด้วยซ้ำนั้นน่าจะสิ้นสุดอยู่ที่ตรงจุดนี้ ซึ่งมันก็เรียกว่าก้าวมาได้ไกลมากเกินพอสำหรับคนที่มีโพรไฟล์ห่วย ๆอย่าง แจ็ค หม่าคนนี้
แจ็ค หม่า:: ไอ้แจ็คบ้า ( crazy Jack ) ฉายาของคนคิดใหญ่
เมื่อครั้งที่ แจ็ค หม่าไปบรรยายที่เกาหลีใต้ เขาเล่าให้ฟังว่าเขาเคยสมัครขอเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย ฮาร์เวิร์ด สหรัฐอเมริกามานับสิบครั้ง และเขาได้รับการปฏิเสธหมดทุกครั้ง เขาฝันว่าเขาอยากได้มาเยือนอเมริกาสักครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งเป็นไกด์พาฝรั่งเที่ยวเขาคงจะเก็บสะสมเงินทองไว้พอสมควร เมื่อเพื่อนของเขาชวนให้มาท่องเที่ยวที่อเมริกาเขาก็ตอบรับทันที ในครั้งนั้นที่สหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในยุคที่ อินเทอร์เนตกำลังเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก เขาหาโอกาสมาเยือน silicon valley เขาได้เห็นตึกรามใหญ่โตเต็มไปด้วยความทันสมัย และสดวกสบายซึ่งหาไม่ได้ในประเทศจีน เขาถามเพื่อนของเขาว่าที่นี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร แจ็ค หม่า มองเห็นอนาคตเขาบอกกับตัวเขาเองว่านี่คือ อนาคตของเรา ฉันจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจแบบนี้ให้ได้ ทั้ง ๆที่ตอนนั้นเขายังไม่รู้เลยว่า อินเทอร์เนต นั้นมันคืออะไร ที่นั่นเขาเรียนรู้การใช้อินเทอร์เนต โดยทดลองค้นหาด้วยคำว่า เบียร์จีน ปรากฏว่าไม่พบผลลัพธ์ใด ๆเลย แจ็ค หม่าได้ความคิดว่าถ้านำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาให้สามารถใช้ได้ในประเทศจีนคงจะดีไม่น้อยทีเดียว เขามีความฝันที่พลุ่งพล่านตลอดเวลาแม้ตอนกินกาแฟอยู่ เขาเคยถามพนักงานในร้านกาแฟว่า ถ้าเขาทำธุรกิจมาสักอย่างหนึ่งเขาจะตั้งชื่อธุรกิจของเขาว่า อาลีบาบา จะดีหรือไม่ โดยเขาให้เหตุผลว่ามันเป็นชื่อที่เรียกง่าย และมาจากนิยายอาหรับที่ อาลีบาบา ได้ไปรู้รหัสลับที่จะสามารถเปิดประตูถ้ำที่เป็นที่เก็บสมบัติจำนวนมหาศาลที่โจรเอามาซ่อนเอาไว้ เขาอธิบายว่า เหมือนกับการเปิดโลกทัศน์ที่แปลกใหม่ทันสมัยเป็นอนาคตที่ยังหาไม่ได้ในประเทศจีนในสมัยนั้น
แจ็ค หม่า เคยเล่าว่าเขามีชีวิตที่ผ่านความล้มเหลวมามากกว่าพันครั้ง จริง ๆแล้วผมเชื่อว่ายังไม่มากนะครับ โทมัส เอดิสัน กว่าจะสามารถผลิตหลอดไฟฟ้าได้สำเร็จก็ล้มเหลวนับหมื่น ๆครั้ง
แจ็ค หม่าล้มเหลวจากการทำธุรกิจหลายครั้งที่เจ๊งไป แต่เขามีความเชื่อมั่นอย่างหนึ่งว่า ความล้มเหลวที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการยอมแพ้ ในปี คศ. 1999 เขาได้เข้ารับราชการที่กระทรวงพาณิชย์ ในสายงานที่เกี่ยวกับ commerce ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศจีนกำลังเริ่มวางรากฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เนต ตอนนี้นี่แหละที่ อาลีบาบา ได้ถือกำเนิดขึ้นมา แจ็ค หม่าได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ ทำ website ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนสำเร็จ เขารวบรวมเพื่อนได้จำนวน 24 คน และอธิบายแผนธุรกิจของเขาเพื่อหวังจะระดมเงินทุน การทดลอง download หน้า website หน้าหนึ่งในสมัยนั้นเขาเล่าว่าต้องใช้เวลานานมากเพราะความไม่พร้อมใน infrastructure ทางเทคโนโลยีสาระสนเทศในจีน เพื่อนจำนวน 23 คนจาก 24 คนที่เขาได้ชวนมาฟังต่างบอกให้เขาล้มเลิกความคิดนี้เสีย ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่มีเงินทุนมากพอ และไม่มีความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เนตอย่างแท้จริง แต่มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งบอกเขาว่า ถ้าอยากจะทำก็ให้ทำไปเลยถึงแม้ว่าจะล้มเหลวก็สามารถหันกลับมาทำงานเดิมที่เคยทำได้ไม่เห็นจะเป็นอะไร
แจ็ค หม่า นอนครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนคนนี้ทั้งคืนแล้วเขาก็สรุปให้ฟังว่า แรงผลักดันในใจของเขานั้นไม่ได้เกิดจากความเชื่อมั่นในโลกอินเทอร์เนตอะไรนี่หรอก แต่เขามีความเชื่ออยู่ว่า การจะทำอะไรก็ตามไม่ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นความสำเร็จ หรือความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะประสบการณ์ที่ได้ถือว่าเป็นความสำเร็จด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว คุณจำเป็นต้องลองทำ ถ้าทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ คุณก็กลับไปทำงานเดิมของคุณก็เท่านั้น
แจ็ค หม่า กับย่างก้าวแห่งความสำเร็จ
ปี คศ. 1999 แจ็ค หม่ากับเพื่อน ๆ จำนวน 17 คนร่วมก่อตั้ง อาลีบาบา ด้วยเงินทุนสองล้านกว่าบาท เขาเล่าว่าข้อผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นมาหลังจากก่อตั้งอาลีบาบามาระยะหนึ่งก็คือ เขาได้พูดกับเพื่อนร่วมงานของเขาว่า know how เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจที่กำลังทำอยู่นี้คนจีนยังไม่ค่อยเก่ง พวกคุณก็ทำได้แต่เพียงการจัดการ แต่ไม่สามารถบริหารได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาบริหารแทน ซึ่งเขาก็ทำตามที่พูดไว้ แต่คนที่เขาจ้างมานั้นก็อยู่ไม่ทน เขาจึงตระหนักได้ว่าคนที่ร่วมงานกับเรานั้น พวกเขาไม่ต้องการฟังคำสั่ง แต่พวกเขาต้องการรู้ว่าเป้าหมายของบริษัทนั้นคืออะไรมากกว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเหมือนกัน เพียงแต่ขอให้มุ่งไปที่จุดหมายเดียวกันก็เกินพอแล้ว ซึ่งในตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงของอาลีบาบา ก็คือเพื่อน ๆ พนักงานที่ร่วมหัวจมท้ายกับเขามาตั้งแต่ต้นทั้งหมด
แจ็ค หม่า เคยกล่าวไว้อย่างหนึ่งว่าความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือการยอมแพ้ มีวลีเด็ด ๆออกมาว่า GO BIG OR GO HOME เหมือนกับจะบอกคนที่มักจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆว่า คุณจะเลือกว่าคุณจะมุ่งไปสู่ความยิ่งใหญ่หรือว่าคุณจะกลับไปต๊อกต๋อยเหมือนเดิมเลือกเอา
แจ็ค หม่า ได้ดึงเอา yahoo เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ด้วยกฎหมายของจีนได้จำกัดสิทธิให้การบริหารบริษัทที่ดำเนินการอยู่ในจีนนั้นต้องตกเป็นของคนจีนเท่านั้น แจ็ค หม่าจึงยังคงสถานะผู้บริหารสูงสุดของอาลีบาบา มาจนถึงปัจจุบัน เขาได้แผ่ขยายอาณาจักรของอาลีบาบา มาอีกหลายต่อหลายบริษัท โดยแต่เดิมอาลีบาบาจะทำการค้าที่เป็นลักษณะค้าส่งที่เรียกว่า brand to brand สำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าในปริมาณมาก และต้องการลดต้นทุนค่าขนส่ง เขาตั้ง Tmall สำหรับการค้าแบบ brand to customer เป็นสินค้าที่ส่งตรงจากโรงงานถึงมือผู้บริโภคโดยตรง และยังมี Toaboa ที่จะทำการค้าในลักษณะเดียวกับ ebay เป็นแบบ customer to customer ซึ่งการวางแผนการค้าแบบกินรวบแบบนี้เป็นสาเหตุให้ ebay ต้องถอยทัพหนีออกจากประเทศจีนไป ในปี คศ. 2015 แจ็ค หม่าครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีนด้วยทรัพย์สินมากกว่า 25000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 750000 ล้านบาท ในปีเดียวกันเขาได้พาอาลีบาบาเข้าไประดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (New York Stock Exchange ) ด้วยมูลค่าเริ่มเข้าตลาดที่ 68 US$ และดีดตัวไปแตะที่จุดสูงสุดที่ 97 US$ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาที่93 US$ เคยมีผู้เชี่ยวชาญได้ทำการคำนวณต้นทุน หรือที่เรียกกันว่า par value ของหุ้น อาลีบาบา พบว่าต้นทุนมีมูลค่าอยู่ที่หุ้นละ 0.000025 US$ เท่านั้น แต่สามารถขายได้กว่า 90 US$ เลยที่เดียว มีการคาดการณ์ผลกำไรของสินค้าในอาลีบาบา พบว่ามีถึง 50 % เลยทีเดียวครับ
แจ็ค หม่า ::: วาทะ ความคิด สัมภาษณ์
มีคนเคยสัมภาษณ์ แจ็ค หม่าถึงความต้องการเข้าทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เขาได้เปรียบเปรยว่า ebay เปรียบเหมือนฉลามในมหาสมุทรใหญ่ก็หากินอาหารของฉลามไป ส่วนอาลีบาบานั้นขอเป็นเพียงจระเข้ที่หากินอยู่ในแม่น้ำแยงซีเกียงก็พอ การทำธุรกิจในสหรัฐจะทำในลักษณะ ของหวาน หรือออเดริฟ ไม่ใช่ มื้อหลัก ถ้าเขาคิดจะทำธุรกิจนอกประเทศจึนนั้นเขาจะไม่มุ่งมาที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ตั้งใจจะมุ่งไปในแถบที่การคมนาคมยังไม่ดีพอ ประเทศที่มี infrastructure ไม่ดี logistic แย่ผู้คนจะมีความยากลำบาก ความต้องการสินค้าก็จะเกิดขึ้น การค้าขายในลักษณะ brand to brand จะทำได้ง่าย และดีกว่ามาก เขาได้มองตลาดแอฟริกา ตลาดอาเซียน ไว้เป็นตลาดในอนาคต
แจ็ค หม่า บอกกับผู้คนให้มองไปข้างหน้า อาลีบาบา เป็น Chinese brand ที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จได้ เนื่องมาจากการที่เขาได้คิดไว้ก่อนล่วงหน้าถึง 15 ปี เขานึกย้อนไปถึงวัยเด็กของเขาที่ต้องผจญกับความยากแค้น ไม่ว่าจะสาหัสแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ามีโอกาสเขาก็จะไขว่คว้ามันเอาไว้ และมุ่งมั่นไปในทิศทางนั้น ซึ่งมันอาจเป็นหนทางที่สามารถเปลี่ยนชีวิต และพลิกโฉมหน้าของโลกเลยก็ได้
แจ็ค หม่า พูดถึงเรื่องเงินที่ในปัจจุบันนี้เขามีอยู่อย่างมากมายว่า money is not happiness, it is responsibility เขาได้อธิบายเอาไว้ว่า เมื่อครั้งที่ยังรับราชการเป็นครูเมื่อได้รับเงินเดือน 500 บาททุก ๆเดือนก็รู้สึกเฉย ๆ พอเริ่มมีเงิน ล้านแรกเข้ามาเขาก็รู้สึกว่าดีจังนะ แต่พอเงินเริ่มมากขึ้นเป็นสิบ ๆล้านก็เริ่มรู้สึกว่ามันเข้ามารบกวน และสร้างความปวดหัวให้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ พอเงินมันมาแตะที่พันล้านเขาก็เริ่มรู้สึกว่าเงินมันไม่ใช่ความสุข แต่มันเป็นความรับผิดชอบเพราะถึงตอนนี้ใครต่อใครก็พากันเชื่อมั่นในตัวเขา เขาจึงดูเหมือนว่ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อความเชื่อมั่นของคนเหล่านั้นด้วยนั่นเอง แจ็ค หม่าในวันนี้เขาได้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และบริจาคเพื่อการศึกษาของเด็ก ๆชาวจีนให้มีโอกาสได้เรียนรู้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเทคโนโลยี
ในบทสัมภาษณ์มีคำถามหนึ่งว่า แจ็ค หม่าได้เลือกใครเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตหรือไม่ เขาตอบว่า ฟอเรส กัมป์ อันนี้ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นตรงกับใจเขาหรือเปล่านะ แต่เขาบอกว่าเขาดูหนังเรื่องนี้นับสิบ ๆรอบยามใดที่เขารู้สึกล้มเหลวเขาก็จะหยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาดู โดยเฉพาะบทพูดตอนที่ว่า “ แม่สอนว่า ชีวิตคนเราก็เหมือนกล่องขนมช็อคโคแลตที่มีหลากหลายไส้ หลากหลายรสชาติอยู่ในกล่องเดียวกัน เราไม่มีทางรู้หรอกว่าเมื่อเปิดกล่องขนมขึ้นมาแล้ว แต่ละชิ้นมันจะมีรสชาติเป็นอย่างไร เมื่อหยิบชิ้นหนึ่งมากินอาจรู้สึกว่าไม่อร่อยเลย แล้วไปหยิบอีกชิ้นหนึ่งมากินกลับรู้สึกชอบ ว่ามันอร่อยดี แต่ทว่าจะไปควานหาช็อคโคแลตชิ้นอร่อยแบบนี้ในกล่องเดียวกันมันหาไม่มีอีกแล้ว เปรียบเหมือนกับชีวิตคนเรานั่นแหละ เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร มันจะขมขื่น หรือมีความสุขดีอยู่หรือไม่ แต่ความท้าทายก็คือ ถ้าตราบใดที่เรายังเป็นตัวเราอยู่ ไม่ว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ขอให้เรามุ่งมั่นในความฝันของเรา แล้วเราก็จะไปถึง ”
เป็นอย่างไรบ้างครับ แจ็ค หม่าคนตัวเล็กเท่าลูกแมวแต่ใจใหญ่ปานภูเขา อันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เขาได้เขียน หรือไปพูดตามที่ต่าง ๆ อันนี้พอเป็นแนว ๆพอให้รู้จักกับ แจ็ค หม่าดีขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ เขามีพูดอีกหลายอย่างเช่นการดำเนินชีวิตในแต่ละช่วงอายุ ที่ผมไม่ได้นำมาเรียบเรียงเอาไว้ด้วย เพราะผมคิดว่ามันอาจจะบั่นทอนกำลังใจสำหรับคนที่แก่เกินไป หรือบางคนก็เด็กเกินไป มันจะไปสร้างความเก้ ๆ กัง ๆเสียเปล่าผมคิดว่าให้เราตัดปํญหาเรื่องอายุออกไปเสีย จะมุ่งมั่นทำอะไรก็ทำเสียเถอะครับ คนอายุน้อยล้มไปก็ไม่เจ็บมากหรอกครับ ยังล้มได้อีกหลายครั้ง คนอายุมากตัวประสบการณ์ก็จะคอยแวดล้อมระวังภัยไม่ให้เจ็บตัวง่าย ๆ ขอเอาใจคนแก่ที่ไฟแรงอยู่หน่อยขอให้ท่านจงนึกถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของท่านช่วงที่ท่านมีสุขภาพที่ดีที่สุด แข็งแรงที่สุด หรือเก่งที่สุด ลองทำตัวให้เหมือนตอนนั้น คิดให้เหมือนตอนนั้น ท่านอยากจะทำอะไรที่เป็นความฝันของท่าน ท่านจงมุ่งมั่นทำมันเสีย ผลของความสำเร็จที่ท่านต้องการอาจไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นความภาคภูมิใจที่เราได้ทำตามความฝันของเราเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว ผมแนะนำให้ท่านไปหาอ่านเกี่ยวกับ ผู้พันเจ้าของไก่ทอด KFC และอีกหลาย ๆคน ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะลองเรียบเรียงมาเล่าสู่กันฟังครับ สำหรับบทความเกี่ยวกับ แจ็ค หม่า นี้ผมขอจบลงก่อนนะครับ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับผม