ผมอาศัยจังหวะช่วงที่แพ็คเกจเน็ตหมด ยังไม่ได้เติมเงิน เอาเวลามานั่งอ่านบทความที่เก็บไว้ ได้ข้อคิดเลยเอามาแต่งเป็นบทกลอน ผมแต่งเป็นกลอนแปด จำนวน 8 บทกลอน บทกลอนชื่อหวานแหววว่า “หากชีวี นี้เป็น เช่นท้องฟ้า” แต่เนื้อหาข้างในบทกลอนนั้น ไม่ค่อยหวานนัก ผมใช้เวลาที่เหลืออยู่วาดรูปด้วยโปรแกรมที่มีอยู่ เป็นภาพเด็กหนุ่มที่เดินอย่างเดียวดาย มองท้องฟ้าอย่างคิดคำนึง ลองอ่านบทกลอนด้านล่างดูครับ อาจมองเห็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ก็ได้
บทกลอน: หากชีวีนี้เป็นเช่นท้องฟ้า
หากชีวี นี้เป็น เช่นท้องฟ้า
บางเพลา แจ้งชัด จรัสแสง
แกร่งกล้า เกินกว่า จะอ่อนแรง
แก่งแย่ง แข็งขืน ฝืนชะตา
เปรียบสุรีย์ ที่สาดส่อง ท้องทวีป
เทียมประทีป ถาโถม ชโลมหล้า
ก็บางครั้ง อบอุ่น ทั่วกายา
ก็บางครา ร้อนรุ่ม ไฟสุมทรวง
หากชีวี นี้เป็น เช่นท้องฟ้า
ยามทิวา ลอยเลื่อน เคลื่อนกลับสรวง
ราตรีดำ คล้ำระคน ปนมนต์ลวง
ดาวล้านดวง มุ่งหมาย มลายมาร
ดั่งชีวิต ลิขิตมา คราตกต่ำ
มวลมนต์ดำ ซ้ำสาดใส่ ใคร่ล้างผลาญ
ช่างมืดมิด จิตหลุด สุดทนทาน
ม่านตาปาน ม่านเลือดแดง ม่านแห่งพราย
ยามรุ่งโรจน์ โชติช่วง ปวงผองเจ้า
อย่าได้เฝ้า เข้าใจผิด มิตรสหาย
ยึดยื้อแย่ง แข่งขันไป ไม่ละอาย
มุ่งทำลาย หมายธำรง แต่พงศ์ตัว
หากชีวี นี้เป็น เช่นท้องฟ้า
หากแม้นว่า ในเวลา มืดสลัว
ยังมีดาว พราวพราย อย่าได้กลัว
แม้นมืดมัว มีแสงน้อย คอยนำทาง
หากชีวี นี้เป็น เช่นท้องฟ้า
ยามชีวา จ้าเจิด เพริศกระจ่าง
มัวลุ่มหลง ทะนงไป ไม่เว้นวาง
เมื่อแสงจาง ทางดำ ถลำไป
ทั้งสองที่ สองทาง สองอย่างนี้
มืดย่อมมี หนทาง สว่างได้
แม้นสว่าง ต่างกัน ไม่ทันไร
ก็มิใช่ จะกระจ่าง สว่างนาน
บทบรรยาย
อย่างที่เราเคยรู้กันว่าอะไร ๆบนโลกนี้มี สองด้าน สองอย่างคู่กันเสมอเช่น มีสุข ก็มีทุกข์, มีรัก ก็มีเกลียด, มีชาย ก็มีหญิง, มีมืด ก็มีสว่าง, มีกลางวัน ก็มีกลางคืน เป็นต้น แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง ๆนั้น แม้ว่าจะสั้น ๆก็ตาม ของสองสิ่ง หรือความรู้สึกสองอย่างนี้ มันมีอยู่ปะปนกัน เพียงแต่มันมีอย่างหนึ่งมากกว่าอีกอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงทำให้เรารู้สึกได้แต่ด้านที่มันมีมากกว่า บางทีเรารู้สึกว่ามีความสุข แต่จริง ๆแล้วมันมีความทุกข์ ความกังวลเจืออยู่ แต่มันเบาบางจนบางทีทำให้เราไม่ทันได้นึกถึงมัน
ในบทกลอนด้านบนนี้ คล้ายจะสื่อสารว่า ชีวิตคนเรานั้นมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากด้านหนึ่ง ไปเป็นอีกด้านหนึ่งได้ในพริบตา เหมือนกับท้องฟ้า เราเห็นว่าดวงอาทิตย์ส่องแสงฉาดฉาน สักครู่หนึ่งก็มีเมฆลอยมาบดบัง ซ้ำร้ายบางครั้งก็มืดมนอนธการด้วยเมฆฝน เช่นเดียวกันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ความมืดมัวก็มิอาจบดบังแสงจากดวงดาวนับล้านดวงได้เลย
พึงจะกล่าวได้ว่า การดำเนินชีวิตของคนเรานั้น คราวใดที่ดูเหมือนว่ามีชีวิตที่ เจิดจรัส ก็อย่าทระนง หลงระเริงจนเกินไป ใช้ชีวิตโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความประมาท สิ่งชั่วร้ายก็ยังหมั่นขยันทำ โดยไม่ทันได้คิดว่า หากวันใดวันหนึ่งเกิดชะตาตก สิ่งที่ไม่ดีอาจจะถาโถมโจมตีจนตั้งตัวไม่ติด ในทางตรงกันข้ามหากมีชีวิตช่วงหนึ่งช่วงใดก็ตามที่ดูเหมือนว่า มืดแปดด้าน ก็พึงอย่าได้ท้อใจ พยายามมองหาหนทาง ที่แม้มันจะแคบ และยาวไกล ก็จงอดทนฝ่าฟันไปให้จงได้ สิ่งที่ได้รับเป็นรางวัลอันคุ้มค่าคือ ได้มีชีวิตที่สง่างามนั่นเอง คำกลอนนี้ผมเขียนไว้เตือนตัวเองด้วย เพราะรู้สึกว่าชีวิตของผมยามนี้มันดูกลางค่ำกลางคืนยังไงชอบกล
สำหรับวันนี้ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ