วันแม่ ที่จะมาถึงนี้ผมมีกลอนแปด จำนวน ๕ บท ที่ผมขอแต่งให้กับแม่ที่จากไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยความรัก และคิดถึงเป็นอย่างมาก หลังจากอ่านบทกลอนนี้แล้ว ผมมีบทความเล็ก ๆเขียนบรรยายเอาไว้เล็กน้อย เพื่อทั้งอธิบาย และเป็นข้อความที่แสดงความรำลึกถึงแม่เป็นการส่วนตัว แต่ก็ยินดีที่จะเผยแพร่ ทั้งนี้ขอร่วมรำลึกถึงผู้เป็นแม่ท่านอื่น ๆด้วยความจริงใจ ด้วยการลดอัตตาที่มีอยู่อย่างมากในตัวผมลง จนอยู่ในระดับที่จะทำให้ผมเขียนบทความที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างนี้ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ และขออโหสิกรรมกับการกระทำที่เคยไปล่วงละเมิดถึงบุพการีของคนอื่น ๆ ขออโหสิกรรมครับ
บทกลอน : กลอนแปด
นี้หรือคือลมหายใจผู้ให้ชีพ
นี้เป็นเพียง เสียงร่ำ จากคำคิด
คำนึงนิจ วันวาร ที่ผ่านพ้น
พระคุณแม่ แผ่ไพศาล ปานภูวดล
แม้นสายชล มิอาจเทียบ อย่าเปรียบเลย
ยามป่วยไข้ ไม่สบาย กายอ่อนล้า
สองหัตถา มารองร่าง ต่างเขนย
โอบอุ้มแอบ แนบ-อกอุ่น ที่คุ้นเคย
พลางพร่ำเอ่ย เชยแก้มชิด กล่อมนิทรา
นี้หรือคือ ลมหายใจ ผู้ให้ชีพ
เทียมประทีป ถาโถม ชโลมหล้า
นี้เป็นดั่ง โอสถทิพย์ จากฟากฟ้า
เทพเทวา ปรุงโปรยปราย ร่ายมนต์รอ
ยังคิดถึง ข้าวแดง แกงอร่อย
หนมบัวลอย ไข่หวาน หอยขวานหนอ
แกงสายบัว ปลาทูสด ซดคล่องคอ
ข้าวต้มหม้อ ใบปอผัด กระเทียมโรย
รสมือแม่ แท้ที่จริง เป็นสิ่งเตือน
อย่าแชเชือน ติดเพื่อนพ้อง ท้องร้องโหย
ข้าวร้อนร้อน แกงล่อลิ้น กลิ่นหอมโชย
ดังนี้โดย ดุษฎี เป็นที่จำ
โดยปกติผมเป็นคนค่อนข้างแข็ง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมอ่อนโยนด้วยเสมอ นั่นคือกับแม่ ถ้าว่ากันตามจริงแล้วมันก็มีบางครั้งเหมือนกันที่ผมเกเรกับแม่ และมันแปลกตรงที่ว่าในครั้งเหล่านั้น ผมกลับจดจำมันได้อย่างแม่นยำไม่เคยลืมเลย ผมมีความคิดที่ค่อนข้างพิลึกเรื่องการกล่าวคำขอโทษคือ ผมมักจะไม่กล่าวมันออกไปเลย ด้วยความเชื่อส่วนตัวว่า การกล่าวคำขอโทษแล้วให้ผู้อื่นยกโทษให้นั้น จะทำให้เราทำผิดต่อเขาเป็นประจำ และไม่ระวังตัว บางทีก็ทำผิดในเรื่องเดิม ๆอีกต่างหาก ทำผิดแล้วก็ขอโทษ และก็ทำอีกเป็นอย่างนี้ร่ำไป จนผมรู้สึกว่าคำนี้มันไม่ได้ศักดิ์สิทธิเอาเสียเลย จึงมีน้อยครั้งมากที่ผมจะกล่าวคำนี้ออกไป กับแม่เองผมก็ไม่ได้ยกเว้นเลย หากครั้งใดที่ผมรู้สึกว่าแม่ผิดหวังในตัวของผม ซึ่งผมจะรู้ได้เองโดยสัญชาติญาณว่า เรื่องนี้มันหนักหนาสาหัสขนาดไหน ผมมักมีวิธีงอนง้อในแบบของผม ในขั้นแรกผมก็จะเดินไปเฉียดใกล้ ๆแม่ก่อน ถ้าแม่ไม่ว่าอะไร ผมก็จะเดินวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น เพื่อประกาศให้แม่รู้ว่าผมยังมีตัวตนอยู่นะ ถ้าแม่เฉย ๆ หรือเบือนหน้าหนี หรือเดินจากไป นั่นแหละเป็นปัญหาใหญ่ของผมเลยล่ะ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจู่โจมขั้นเด็ดขาดโดยข้าไปนั่งต่อหน้าแม่ และพยายามทำให้แม่มองตาเราให้ได้ ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดก็คือกระพริบตาปริบ ๆให้ดูน่าสงสารเข้าไว้ เชื่อเถอะนะครับว่าความโกรธของแม่จะหายไปเกินครึ่ง จากนั้นก็กอดขาแม่แล้วเอาหน้าซุกไว้บนขานั่นแหละ ถ้านอนหนุนตักได้ก็รีบทำเลย ความโกรธอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือมันจะค่อย ๆเลือนหายไปเอง เพราะลูกคือลมหายใจที่ต่อชีวิตให้กับพ่อ และแม่ทุก ๆคนนั่นเอง
ในบทกลอนข้างต้น ‘นี้หรือคือลมหายใจผู้ให้ชีพ’ ลมหายใจของพ่อ และแม่ไม่ได้หมายถึงอากาศ หรือออกซิเจนที่สูดเข้าไป แต่เป็นบรรดาลูก ๆของท่าน ที่หวังไว้ในภายภาคหน้าว่าจะมีชีวิตที่ดี เป็นที่ภาคภูมิใจ และที่สำคัญก็คือสามารถเป็นที่พึ่งในบั้นปลายชีวิตได้บ้างก็เท่านั้นเอง ผมมีบทความที่เกี่ยวกับแม่เขียนไว้เมื่อปีก่อน แม่:::บุคคล VIP ในชีวิตของผม คล้ายเป็นบันทึกเหตุการณ์ระหว่างผมกับแม่ที่ค่อนข้างยาว อ่านได้เพลิน ๆสนใจก็แตะที่ลิงค์ได้เลยครับ
สำหรับวันนี้ฝันดีราตรีสวัสดิ์ครับผม