FOREX ( ฟอเร็กซ์ ) คือ? อ่านก่อนดีไหม ก่อนตัดสินใจลงทุน

Forex Market เป็นคำที่ย่อมาจาก Foreign Exchange Market ในที่นี้คือ ตลาดที่ทำการซื้อ/ขาย อัตราแลกเปลี่ยน เงินในสกุลต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ หากว่าเราติดตามข่าวสารที่เป็นไปบนโลกบ้าง จะทำให้เข้าใจได้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้น มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้นทุก ๆคนที่ยังต้องใช้เงินอยู่ ย่อมต้องเป็นส่วนหนึ่งของ ตลาดฟอเร็กซ์ ในบริบทที่แตกต่างกันบ้างไม่มากก็น้อย ในบทความนี้จะสรุปหัวข้อสำคัญที่ควรรู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้ เกี่ยวกับ ตลาดซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ หากคุณเป็นผู้ที่สนใจในการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ คุณก็มาได้ถูกที่แล้ว

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับตลาด Forex

::: Forex คืออะไร

::: ที่มา และบทบาทต่อผู้คน และองค์กร

::: ขนาดของตลาด การเข้าถึง และกฎหมายไทย

::: สกุลเงินสำคัญ

::: เวลา เปิด/ปิดของตลาดสำคัญ

::: การลงทุน และความเสี่ยง

::: เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค

::: บทสรุป

Forex คืออะไร

ย่อมาจาก Foreign Exchange คือตลาดที่ทำการซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลต่าง ๆ ทั้งนี้ค่าของเงินในแต่ละสกุล จะมีความอ่อนไหว เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมื่ออ้างอิงกับเงินในสกุลอื่น ๆอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งในเรื่อง อุปสงค์/อุปาทาน  อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย อัตราการว่างงาน ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน สภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศ สภาวะทางการเมือง นโยบายของรัฐ การลงทุนภาครัฐ และเอกชน ทั้งนี้รวมไปถึงเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ ที่มีผลกระทบทั้งทางตรง และอ้อมต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ จากปัจจัยหนึ่งนำไปสู่ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อสถานะทางเศรษฐกิจทุก ๆระดับ ด้วยเหตุเหล่านี้จึงเกิดช่องว่างเพื่อหากำไรจากความอ่อนไหว และความผันผวนของค่าเงิน หากปัจจัยที่มากระทบนั้นมีความรุนแรงมาก การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินก็ย่อมมากตามไปด้วย

ที่มาของ Forex และบทบาทต่อผู้คน และองค์กร

ที่มา

ในส่วนนี้เป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประวัติของตลาดฟอเร็กซ์ เพื่อทำให้รู้ถึงการมีอยู่ของตลาดได้อย่างไร ในปี คศ. 1876 มีการใช้มาตรฐานทองคำสำรองอ้างอิงไปถึงสกุลเงินต่าง ๆที่มีอยู่บนโลก ความคิดนี้ก็คือ การรักษาเสถียรภาพของสกุลเงิน โดยตรึงไว้กับราคาทองคำ ต่อมาตั้งแต่ต้นสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศสำคัญในแถบยุโรป ไม่มีทองคำสำรองมากเพียงพอ ที่จะรองรับสกุลเงินต่าง ๆได้ทั้งหมด สร้างปัญหาในการพิมพ์ธนบัตร เพื่อนำมาใช้จับจ่ายทางการทหาร โลกได้ตัดสินใจที่จะใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ซึ่งส่งผลให้ในเวลาต่อมา (คศ. 1944) เงินดอลลาร์ของสหรัฐ ถูกยกให้เป็นสกุลเงินสำรองหลัก ที่เป็นเงินสกุลเดียวที่ยังสามารถรักษามาตรฐานทองคำสำรองได้ เรียกระบบนี้ว่า Bretton Woods  ที่ในขณะนั้นกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ไว้ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อทองคำ 1 ออนซ์ จนกระทั่งในปี 1963-1969 ในสมัยประธานาธิบดี ลินดอน บี จอห์นสัน สหรัฐมีการพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้ในการทำสงครามอินโดจีน และเพื่อใช้เป็นงบประมาณสำหรับสวัสดิการของประชาชน ทั้งที่มีปริมาณทองคำสำรองไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรง และขาดดุลงบประมาณอย่างมาก ความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มลดลง

ในสมัยประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ช่วงระหว่างปี 1969-1974 เกิดภาวะเงินเฟ้อเข้าขั้นวิกฤต รุนแรงอย่างมาก ประกอบกับเกิดภาวะวิกฤตพลังงาน ในปี 1973 เป็นเหตุให้สหรัฐมีประกาศระงับอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ซึ่งหมายถึงการยกเลิกระบบ Bretton Woods ต่อมาในที่สุด และหันมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวแทน การพังทลายลงของ ระบบ Bretton Woods  นำไปสู่การยอมรับในระดับสากล ของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว นี้นี่เองจึงเป็นต้นกำเนิดของ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่เรียกว่า Forex

บทบาท

ทุกคนมักมีส่วนร่วมอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

# บริษัทขนาดใหญ่จะมีส่วนร่วมอยู่ในตลาด เพื่อขายผลิตภัณฑ์ของเขาในต่างประเทศ พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพื่อ ซื้อ/ขายสินค้า และบริการ กับบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศ การทำธุรกรรมในประเทศอื่น จึงมีความต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินไปโดยปริยาย

# ธนาคารกลาง และรัฐบาล จะมีส่วนร่วมในตลาดด้วยจุดประสงค์เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินของประเทศเป็นหลัก เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีอำนาจในการเพิ่ม หรือลดค่าสกุลเงินของประเทศตน รวมถึงการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย มีอำนาจในการใช้เงินทุนสำรอง เข้าแทรกแซงตลาด เพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินของตน

# กองทุนขนาดใหญ่ (เฮดจ์ฟันด์) ที่แต่เดิมมีวัตถุประสงค์หลักเป็น การป้องกันความเสี่ยงต่อความอ่อนไหว และผันผวนของค่าเงินในสกุลที่มีความสำคัญต่อกองทุน แต่ในภายหลังพบว่ามี 70-90% ของธุรกรรมทั้งหมด ที่กองทุนทำอยู่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นไปเพื่อการเก็งกำไร ที่ในบางครั้ง ดูเหมือนว่ามีความพยายามเข้าไปควบคุมตลาดสกุลเงิน และหาช่องทางเพื่อทำการเก็งกำไร ด้วยเงินทุนอันมหาศาลนับพันล้านดอลลาร์ในแต่ละวัน

# บุคคลทั่วไปอาจมีส่วนร่วมในตลาด ในยามที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเงิน ให้เป็นสกุลเงินของประเทศที่กำลังจะเดินทางไป ที่สนามบิน หรือธนาคาร

# ธนาคาร/บริษัทบริหารสินทรัพย์ สำหรับลูกค้าวีไอพี บริษัทเหล่านี้โดยมากมักเป็นธนาคาร ที่มีหน่วยงานให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ แก่ลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง บริษัท/ธนาคารจะใช้ตลาดฟอเร็กซ์ เพื่อซื้อ/ขาย สกุลเงินในคู่ที่เกี่ยวพันกัน เพื่อชำระค่าหลักทรัพย์ต่างประเทศตามที่ลูกค้าต้องการ

# นักลงทุนรายย่อย ในที่สุดโอกาสก็ตกมาถึง ผู้ที่สนใจในตลาดซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆ จากเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และแพลตฟอร์มการซื้อ/ขาย ที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม จึงมีนักลงทุนรายย่อยทั่วโลก ที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ พากันหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดฟอเร็กซ์ เป็นจำนวนมาก

บทความนี้ถูกเขียนมาสำหรับผู้ที่สนใจในการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ หัวข้อถัดจากนี้ไปจะมุ่งเน้นไปในแนวทางนี้

ขนาดของตลาด Forex การเข้าถึง และกฎหมายไทย

ตลาดฟอเร็กซ์ นับว่าเป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ จากผู้ค้า และองค์กรในระบบ มีมูลค่าประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน ( Bank of International Settlement ) ซึ่งสูงมาก หากถามว่ามันมากแค่ไหน ตารางข้างล่าง แสดง GDP (normal) ของประเทศต่าง ๆ ในปี คศ.2018 ที่ผ่านมา

อันดับ ประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ล้านล้าน $ ต่อปี
1 สหรัฐอเมริกา 20.412
2 จีน 14.092
3 ญี่ปุ่น 5.167
7 อินเดีย 2.848
16 อินโดนีเซีย 1.074
26 ไทย 0.484
36 มาเลเซีย 0.365

# ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP: Gross Domestic Product) คือ มูลค่าตลาดของสินค้า หรือบริการขั้นสุดท้ายของประเทศ ในช่วงเวลาหนึ่ง (ในที่นี้คือ 1 ปี) ที่รวบรวมมาจากผลผลิตของภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เป็นตัวชี้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

จากตารางข้างบนจะเห็นว่า มูลค่าของตลาดฟอเร็กซ์ สามารถซื้อ GDP ของสหรัฐได้หมด ภายในเวลา 4 วัน และสามารถซื้อ GDP ของจีนได้หมด ภายในเวลา 3 วัน และของญี่ปุ่น ได้ภายในวันเดียว หรือหากจะเทียบกับตลาดหุ้นนิวยอร์ก NYSE (New York Stock Exchange) มูลค่าอยู่ที่ 20000 ล้าน $ Forex ก็มีขนาดใหญ่กว่า NYSE ถึง 200 เท่า นี้พอจะทำให้มองเห็นได้ถึงขนาดของ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศว่า มันมหึมาสักเพียงใด ด้วยปริมาณเม็ดเงินที่มีจำนวนมหาศาลนี้ ทำให้ตลาดมีสภาพคล่องที่สูงมาก ที่เรียกว่าซื้อง่ายขายคล่อง จึงมีคนเข้าไปหาประโยชน์ในตลาดอยู่เป็นจำนวนมากตามไปด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินในสกุลต่าง ๆอยู่ตลอดเวลา มูลค่าการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์จึงสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านการเงินในตลาดอื่น ๆ

การเข้าถึง

แต่เดิมที การซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะถูกจำกัดอยู่ในแวดวงของ สถาบันการเงินใหญ่ ๆ เช่นธนาคาร บริษัทประกัน กองทุน หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องทำธุรกรรมผ่านตัวกลาง คือธนาคารเท่านั้น ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ต ได้พัฒนามาถึงจุดที่การเชื่อมต่อ เป็นไปได้ง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น จึงเริ่มมีการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบเทรดออนไลน์ขึ้นมา ทำให้นักลงทุนรายย่อย สามารถเข้าถึงตลาดฟอเร็กซ์ได้ง่าย โดยลงทุนผ่านโบรกเกอร์ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งคำสั่ง ซื้อ/ขาย คู่สกุลเงิน ไปยังตลาด อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงตลาดได้ง่ายก็คือ ปริมาณเงินทุนที่ต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดเงินประเภทอื่น มีหลายโบรกเกอร์ที่กำหนดเงินทุนขั้นต่ำไว้เพียง 1 $ เท่านั้น และจูงใจด้วยการให้ leverage ที่สูงอีกด้วย นี้จึงเป็นเหตุให้มีคนหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด Forex อย่างไม่ขาดสาย

# leverage คือจำนวนเปอร์เซ็นต์ หรือจำนวนเท่าของเงินที่มีอยู่ของนักลงทุน ที่โบรกเกอร์จะให้ยืม เพื่อสร้างโอกาสแก่นักลงทุนในการเปิดคำสั่งซื้อ หรือขาย คู่สกุลเงินที่นักลงทุนมั่นใจว่าคาดการณ์ได้ถูกต้อง

กฎหมายไทย

อาจเป็นเพราะว่า การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์นั้นเข้าถึงได้ง่าย ใช้เงินลงทุนน้อย และมีความเสี่ยงสูง ทำให้ยังไม่มีสถาบันการเงินของไทยให้การรับรองการลงทุนในตลาดนี้ อีกทั้งกฎหมายไทยที่แม้ไม่ได้ห้าม แต่ก็ไม่ได้ให้การสนับสนุนเหมือนอย่างการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ความคลุมเครือนี้นี่เอง ทำให้คนทั่วไปที่ยังไม่เข้าใจตลาดดีพอ อาจมองตลาดฟอเร็กซ์ไปในด้านลบ และมีอีกหลายคนเชื่อว่าเป็น money game ซึ่งหากยึดตามหลักสากลแล้ว มันไม่ใช่เลย นักลงทุนไทยจึงเข้าสู่ตลาดซื้อ/ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านโบรกเกอร์ในต่างประเทศ ที่ในปัจจุบันนี้ทำได้ง่ายมาก แต่ด้วยเหตุที่การลงทุนในตลาดนี้ไม่มีการรองรับอยู่ในกฎหมายไทย นักลงทุนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องพิจารณาเลือกโบรกเกอร์ที่ได้มาตรฐาน และมีชื่อเสียงดี

สกุลเงินสำคัญ

เงินสกุลใหญ่ ๆ จะมีสภาพคล่องสูงมาก ทำให้มีผู้สนใจเข้าลงทุนในสกุลเงินเหล่านี้เป็นจำนวนมากตามไปด้วย เงินสกุลใหญ่ ๆที่นักลงทุนนิยมได้แก่

USD ::: ดอลลาร์สหรัฐ

EUR ::: ยูโร

JPY  ::: เยนญี่ปุ่น

GBP ::: ปอนด์อังกฤษ

CHF :::  ฟรังส์สวิส

CAD :::  ดอลลาร์แคนาดา

NZD :::  ดอลลาร์นิวซีแลนด์

AUD ::: ดอลลาร์ออสเตรเลีย

การซื้อ/ขาย ในตลาดฟอเร็กซ์จะ ซื้อ/ขาย เป็นคู่สกุลเงินเช่น EUR/USD, USD/JPY, NZD/USD, USD/CAD, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF  ซึ่งคู่สกุลเงินที่กล่าวข้างต้นนี้ เป็นคู่สกุลเงินที่นักลงทุนให้ความนิยม แต่ก็ยังมีคู่สกุลเงินอื่น ๆอีกมากกว่า 200 คู่ ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนตามความสนใจ

สกุลเงินที่นอกเหนือจากสกุลเงินหลักข้างต้น จะมีผู้ซื้อ/ขาย น้อยกว่า ทำให้เกิดการผันผวนมากกว่าสกุลเงินหลักเช่น ลีราตุรกี เปโซเม็กซิกัน แรนด์แอฟริกา  เปโซอาเจนตินา นักลงทุนอาจจะหลีกเลี่ยง เพื่อป้องกันการสูญเสีย

การศึกษาถึงบุคลิกของเงินสกุลต่าง ๆว่า แต่ละสกุลเงิน จะมีพฤติกรรมอย่างไร ภายใต้เงื่อนไขบางประการ จะทำให้นักลงทุนจะได้ประโยชน์สูงสุดในตลาดฟอเร็กซ์ เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ จะมีความสัมพันธ์อย่างมากกับราคาสินค้า หรือเงินเยนญี่ปุ่น และฟรังส์สวิส จะมีบุคลิกไปในแนวอนุรักษ์ และรักษาเสถียรภาพ

การซื้อ/ขายในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ สกุลเงินจะถูกยกออกมาเป็นคู่ ๆ นั่นหมายความว่า นักลงทุนกำลังทำการซื้อ/ขาย เงินสองสกุลพร้อมกัน หากยังคงต้องการคำอธิบาย จะขอยกตัวอย่างเป็นคู่สกุลเงิน หากหน้ากระดานเทรดประกาศ EUR/USD =1.100532 นั่นหมายความว่า 1EUR มีค่าเท่ากับ 1.100532 USD สกุลเงินที่อยู่ด้านหน้า ในที่นี้คือ EUR จะมีค่าเป็น 1 เสมอ และเมื่อนักลงทุนได้ทำการวิเคราะห์ปัจจัยทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คาดการณ์ได้ว่าในเวลาถัดจากนี้ไป ค่าเงิน EUR จะแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับ USD นักลงทุนก็จะเปิดคำสั่งซื้อไปที่โบรกเกอร์ ณ ขณะนั้น แสดงว่าได้ทำการซื้อ EUR และทำการขาย USD ในทางตรงกันข้ามหากคาดการณ์ว่า ในเวลาถัดจากนี้ไป ค่าเงิน EUR จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD นักลงทุนจะเปิดสถานการณ์ขาย นั่นคือ จะทำการขาย EUR และซื้อ USD หากนักลงทุนทำการปิดสถานะ การซื้อ หรือขาย ที่ได้กระทำไปก่อนหน้านี้ ณ เวลานั้นก็จะเกิด กำไร หรือขาดทุนให้เห็นเป็นสำคัญ การคาดการณ์ที่ถูกต้อง จะสร้างผลกำไร และการคาดการณ์ที่ผิดพลาด จะทำให้ขาดทุน ซึ่ง กำไร/ขาดทุน = ส่วนต่างของราคา x จำนวนหน่วยที่ซื้อ ตารางข้างล่างอาจทำให้เข้าใจได้มากขึ้น

EUR/USD = 1.100532 เวลา 00.30 น.

แสดงราคาเมื่อเวลาผ่านไป
 การคาดการณ์ สถานะคำสั่ง จำนวนหน่วย 01.00 น. 02.00 น. 03.00 น.
EUR แข็งค่า ซื้อ 2 1.200532 1.000532 1.300532
กำไร 2×0.1=0.2$ 2×0.2=0.4$
ขาดทุน 2×0.1=0.2$

คำอธิบาย หากนักลงทุนวิเคราะห์คู่เงิน EUR/USD แล้ว คาดว่า EUR น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD นักลงทุนจะเปิดสถานะคำสั่ง ซื้อสกุลเงินคู่นี้ จำนวน 2 หน่วยลงทุน ณ เวลาเที่ยงคืนครึ่งที่ EUR/USD=1.100532 และเมื่อเวลาผ่านไปถึง ตีหนึ่ง สกุลเงินคู่นี้ได้เพิ่มค่าเป็น 1.200532 ถ้านักลงทุนปิดสถานะ การซื้อ เขาจะได้กำไรเป็น 2 หน่วยลงทุน x 0.1 (ส่วนต่างราคา 1.2000532-1.1000532) = 0.2$ แต่หากเขาคาดว่า ราคาน่าจะขึ้นต่อไปได้อีก เขาจะคงสถานะคำสั่งซื้อนี้ไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึง ตีสอง ราคาของสกุลเงินคู่นี้กลับลดลงเป็น 1.000532 และเขาปิดสถานะคำสั่งซื้อ ก็จะขาดทุน 0.2$ หากเขามั่นใจในการคาดการณ์ และคงสถานะคำสั่งซื้อไว้จนถึงตีสาม เขาจะได้กำไรเป็น 0.4$

เวลาเปิด/ปิดของตลาดสำคัญ

ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดในแบบที่เรียกว่า over the counter( OTC ) ซึ่งหมายความว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ ไม่เหมือนการลงทุนในตลาดหุ้น เช่นตลาดหุ้นไทย ก็จะมีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่จะทำการซื้อ/ขาย ไปตามเซสชั่นเวลาตามภูมิภาคต่าง ๆ โดยเซสชั่นสำคัญคือ เซสชั่นนิวยอร์ค เซสชั่นลอนดอน เซสชั่นโตเกียว และเซสชั่นซิดนีย์

ตลาด Forex เปิดทำการในวันจันทร์ ถึงศุกร์ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยตลาดเริ่มเปิดไล่กันมาตั้งแต่ ออสเตรเลีย เอเชีย ยุโรป และจบลงที่อเมริกา หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งวันทั้งคืน นักลงทุนชาวไทย จำเป็นต้องรู้เวลาเปิด/ปิด ในตลาดต่าง ๆ เพื่อจะได้รัประโยชน์สูงสุด

เวลาเปิด/ปิด ในตลาด Forex ที่สำคัญ ตามเวลาในประเทศไทย ดังตารางข้างล่าง

ตามเวลาประเทศไทย
ประเทศ/ภูมิภาค เวลาเปิด เวลาปิด
ออสเตรเลีย 05.00 13.00
ญี่ปุ่น 07.00 21.00
ยุโรป 13.00 21.00
อังกฤษ 14.00 22.00
อเมริกา 19.00 03.00
นักลงทุนไทย จึงสามารถเข้าตลาดได้ตั้งแต่ เช้าตีสี่ ถึง ตีห้าของ

วันจันทร์

ถึงประมาณตีสี่ของ

วันเสาร์

จากตารางด้านบนจะพบว่าชั่วโมงการซื้อ/ขายในแต่ละเซสชั่น มีบางช่วงเวลาที่ทับซ้อนกันเช่น เซสชั่นนิวยอร์ค และลอนดอน ซ้อนทับกัน ช่วงหนึ่งทุ่มถึงสี่ทุ่ม เรียกว่า NY-London Overlap ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อ/ขาย คู่สกุลเงินต่าง ๆค่อนข้างหนาแน่น และเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะเมื่อมีการเผยแพร่ข่าวสำคัญของ สหรัฐอเมริกา และยุโรป เช่นกรณี Brexit หรือประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตัวเลขการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

นักลงทุนที่มีประสบการณ์จะเลือกเวลาเข้าตลาด ในช่วงที่มีผู้ลงทุนอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะจะมีสภาพคล่องสูง แต่ทั้งนี้ก็มีทั้งโอกาสทำกำไรได้รวดเร็ว และเสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

การลงทุน และความเสี่ยง

การที่นักลงทุนสามารถเปิดสถานะคำสั่งเป็น ซื้อ หรือขายก็ได้ ในตลาดฟอเร็กซ์ หลังการคาดการณ์แนวโน้มราคาของคู่สกุลเงินที่ตนเองสนใจลงทุน ทำให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไรได้ทั้งสองขา ในกรณีที่คาดว่าคู่สกุลเงินนั้นจะมีราคาที่สูงขึ้น ก็จะเปิดสถานะคำสั่งเป็น ซื้อ และหากคาดว่าคู่สกุลเงินนั้นจะมีราคาที่ลดลง ก็จะเปิดสถานะคำสั่งเป็น ขาย หากคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องก็จะสามารถทำกำไร ในทางตรงกันข้าม หากคาดการณ์ผิด ก็จะประสบกับภาวะที่ขาดทุน  การศึกษาข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงความรู้ด้านเทคนิค และการติดตามข่าวสารนั้นมีความสำคัญ การมีวินัยในการลงทุนก็เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะตลาดฟอเร็กซ์นี้ เป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง และอ่อนไหวง่าย เป็นไปตามปัจจัยต่าง ๆที่กระทบต่อเศรษฐกิจทุกระดับ

นักลงทุนแต่ละคน มักมีแนวทางของตนเองในการวิเคราะห์ตลาด ขึ้นกับพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ หรือเทคนิคเฉพาะตน แต่ยังคงมีเทคนิคบางอย่างที่ยังได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุน คงกล่าวได้อย่างกว้าง ๆ ว่าวิธีหลักในการวิเคราะห์ตลาดฟอเร็กซ์ ก็คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสกุลเงิน และการวิเคราะห์ทางเทคนิค

ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของสกุลเงิน จะเกี่ยวข้องกับการกำหนดดุลยภาพของสกุลเงิน เป็นการวิเคราะห์มูลค่าที่สมเหตุสมผลของสกุลเงิน โดยนักลงทุนจะต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงาน อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ และอื่น ๆ นักลงทุนจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ เกี่ยวกับการวิเคราะห์ขั้นต้น นักลงทุนมืออาชีพจะไม่ละเลยข้อมูลพื้นฐานของสกุลเงิน เพราะจะเป็นตัวบ่งบอกแนวโน้มของค่าเงินในสกุลนั้น ๆ ด้วยเหตุที่ว่าปัจจัยเหล่านั้นมีผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงิน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเป็นการวิเคราะห์เฉพาะแผนภูมิราคา (กราฟ ค่าดัชนีต่าง ๆที่แสดงอยู่บนกราฟ) นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะคอยสังเกตแนวโน้มของราคา และมองหารูปแบบของกราฟที่คุ้นเคย ซึ่งเคยใช้งานได้ดีมาก่อน กล่าวคือกราฟในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จะมีรูปแบบที่คล้ายกันมาให้เห็นเสมอ ซึ่งอาจทำให้คาดการณ์ราคาได้ง่าย และอาจถูกต้องได้ เหมือนกับมีลายแทงของราคา ที่ถูกพิสูจน์มาแล้วจากประวัติศาสตร์เก่า ที่จะเดินซ้ำร่องรอยเดิม ๆ

อย่างไรก็ดี การเลือกการวิเคราะห์โดยมุ่งเน้นไปที่ แบบใดแบบหนึ่งนั้น ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี หากแต่การรวมเอาการวิเคราะห์ทั้ง เทคนิค และปัจจัยพื้นฐานเข้าด้วยกันนั้น น่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ในบางครั้งการวิเคราะห์โดยรวมทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน ก็อาจทำให้ตัดสินใจยาก หากการวิเคราะห์ในแต่ละแบบให้ผลตรงกันข้ามกัน จึงมักพบว่านักวิเคราะห์ทางเทคนิคมักไม่ค่อยสนใจข่าวสารมากนัก แต่จะมุ่งเน้นไปที่ การติดตามราคา และมองหารูปแบบกราฟที่เกิดซ้ำ ๆกัน และประมวลผล เพื่อคาดการณ์ราคาที่เป็นไปได้มากที่สุด แล้วหาช่องทางทำกำไรในเบื้องหน้า

เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค

สำหรับการซื้อ/ขายฟอเร็กซ์ มีโปรแกรม Meta Trader 4 หรือ MT 4 เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนามาสำหรับ ฟอเร็กซ์ โดยเฉพาะ และได้รับความนิยม ทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจซื้อ/ขาย อย่างมีข้อมูล นอกจากนี้ยังมีระบบ EAs ( Expert Advisors ) ที่เป็นโปรแกรมช่วยเทรดอัตโนมัติ ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตลาดอยู่ตลอดเวลา ด้วยการตั้งค่าตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ในปัจจุบันมีการพัฒนา EAs ออกมามากมายให้เลือกใช้ มีทั้งแบบฟรี และสำหรับจำหน่าย

สรุป

การเป็นนักลงทุนในตลาด Forex  เป็นวิถีชีวิตที่หลายคนใฝ่ฝัน ดูเหมือนจะเป็นอาชีพที่มีศักยภาพสูงกว่าอาชีพอื่นใด มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะไปให้ถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ แต่หากมีความตั้งใจแน่วแน่ และมีวินัยที่ดีพอ ก็อาจเปลี่ยนชีวิตได้ ทักษะสำคัญที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายที่ควรคำนึงคือ

# การใช้ความสามารถมากกว่าอารมณ์

# จงเชื่อมั่นในกลยุทธ์การซื้อ/ขายของตนเอง

# อุทิศตน และทุ่มเท เพื่อเป็นนักลงทุนที่ดีของตลาดฟอเร็กซ์

# จงมีวินัย ตัดสินใจจากข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกล่อลวงของตลาด

# จดจ่อ กับแผนการซื้อ/ขาย และอย่าออกนอกเส้นทาง

# ความอดทน เพื่อรอผลตามกลยุทธ์การซื้อ/ขาย เพื่อประโยชน์สูงสุดตามแผนที่วางไว้

# ระวัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดตลอดเวลา

# ความเป็นจริง ละความคิดที่ว่า ตลาดจะทำให้ร่ำรวยอย่างรวดเร็ว และง่ายดาย

ความผันผวนของตลาดที่มีค่อนข้างสูง นักลงทุนจึงมีโอกาสในการสร้างกำไร แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากตามไปด้วย การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ทำโดยการสร้างแผนกลยุทธ์การซื้อ/ขาย ที่มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติให้ได้ตามแผน

ในประเทศไทยนักลงทุน จะทำการซื้อ /ขายอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเลือกโบรกเกอร์ที่มีมาตรฐานดี อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโบรกเกอร์

One thought on “FOREX ( ฟอเร็กซ์ ) คือ? อ่านก่อนดีไหม ก่อนตัดสินใจลงทุน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *