วิธีการอธิบายกลิ่นหอม หรือกลิ่นอะไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่จะทำให้ผู้ฟังรับรู้ถึงรายละเอียดของกลิ่นให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ที่สำคัญความรู้สึกของแต่ละคนจะแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้คนพูดถึงกลิ่นเดียวกัน ในแง่มุมที่หลากหลาย การอธิบายกลิ่นหอม จึงเป็นการอธิบายถึงความรู้สึกของแต่ละคน ที่แน่นอนว่ามันไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียว คำอธิบายถึงกลิ่นเฉพาะ จึงไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าอย่างไหนถูก หรืออย่างไหนผิด เพราะสิ่งที่กำลังพูดถึง มันเป็นความรู้สึกล้วน ๆ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดคือ การพูดถึงกลิ่นเดียวกันในแง่มุม ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่น กลิ่นของทุเรียน ปลาร้า กิมจิ น้ำปลา ปลาเค็ม ที่บางคนก็ว่าหอม บางคนบอกว่าเหม็น
ไม่มีคำศัพท์เฉพาะเพื่อใช้กับ วิธีการอธิบายกลิ่นหอม (Fragrance)
หากมีขวดน้ำหอมตั้งอยู่ตรงหน้า ทุกคนต้องเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนว่า ของเหลวที่อยู่ข้างในขวดนั้น มันมีกลิ่นหอม ส่วนความรู้สึกที่ว่า จะชอบหรือไม่นั้น ให้ถือว่าเป็นรายละเอียด ในน้ำหอมขวดหนึ่งจะประกอบไปด้วย ส่วนผสมของน้ำมันหอม หลายชนิด เพื่อสร้างมิติอันซับซ้อนให้กับน้ำหอม มีการวางตำแหน่งของกลิ่นไว้อย่างแยบยล ที่เรียกว่า โน้ต (Perfume Notes) น้ำมันหอมชนิดต่าง ๆ จะเผยกลิ่นออกมาในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน และอ้อยอิ่งอยู่บนผิวได้ ด้วยเวลาที่นานไม่เท่ากัน น้ำมันหอมบางชนิด จะเผยกลิ่นออกมาอย่างรวดเร็ว และจางหายไปด้วยเวลาไม่นานนัก แต่บางชนิดจะเผยกลิ่นออกมาช้ากว่า แต่ยังคงอบอวลอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานาน
ด้วยความซับซ้อนของกลิ่นในน้ำหอมทำให้ วิธีการอธิบายกลิ่นหอม ของน้ำหอมแต่ละอย่าง ไม่สามารถใช้คำศัพท์เพียงคำเดียวมาอธิบายได้เลย และที่ยิ่งไปกว่า มันไม่มีคำศัพท์เฉพาะ ที่จะอุทิศเพื่อใช้กับกลิ่นโดยเฉพาะในภาษาไทย ในบรรดาอาตายนะห้า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ดูเหมือนว่ากลิ่น จะเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่มีการพัฒนาทางภาษาช้ากว่าสัมผัสส่วนอื่น ๆ อย่างมากมาย แต่ด้วยความก้าวหน้าในวงการน้ำหอม ถูกพัฒนาไปไกลมาก และถือว่าเป็นงานศิลปะที่โดดเด่นอย่างหนึ่ง เพื่อให้ง่ายสำหรับทุก ๆ คน จึงจำเป็นต้องขอยืมคำศัพท์ จากประสาทสัมผัสส่วนอื่น ๆ มาใช้ทดแทน เพื่อใช้อธิบายลักษณะของกลิ่นหอม ให้เข้าใจได้ตรงกันมากขึ้น ซึ่งปราศจากกฎ หรือมาตรฐานใด นี่เป็นเพียงคู่มือ ที่ใช้เพื่อรับรู้กลิ่น ด้วยการตั้งคำถามหลังจากคุณดมกลิ่นหอมนั่น คุณเห็นอะไร คุณได้ยินอะไร รสชาติเป็นอย่างไหน คุณสัมผัสเจออะไร คุณนึกถึงสถานที่ไหน คุณรู้สึกอย่างไร และคุณมีอารมณ์แบบไหน เมื่อได้ดมกลิ่นหอมนั้น
วิธีการอธิบายกลิ่นหอม ด้วยประสาทสัมผัสอื่น
สี
นี่ไม่ใช่สีของน้ำหอม หรือสีของขวดน้ำหอม ใช่! เรากำลังพูดถึงกลิ่น แต่เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสีเล็กน้อย ตามทฤษฎีสี การจะอธิบายถึงสีหนึ่ง ๆ ให้เข้าใจได้ตรงกัน เราต้องพูดถึงสามส่วนคือ เฉดสี (Hue) ความใกล้เทา (Value) และความสดใส(Croma) สีหนึ่ง ๆ จะเหมือนกันได้นั้นต้องมีองค์ประกอบทั้งสาม เป็นอย่างเดียวกัน แม้จะวัดค่าของเฉดสีได้เป็นตัวเลขเดียวกัน แต่หากอีกสององค์ประกอบนั้น ไม่เท่ากัน สีสองสีนั้นถือว่าไม่ใช่สีเดียวกัน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ แต่สำหรับการอธิบายกลิ่นในรูปแบบของภาพ ก็ไม่ได้ละเอียดขนาดที่ต้องวัดกันเป็นตัวเลข เพียงใช้ประสบการณ์จากชีวิตจริง มาตอบคำถามต่อไปนี้
หากคุณดมน้ำหอมนั้นแล้ว คุณเห็นภาพเป็นอย่างไรต่อไปนี้
:: กลิ่นหอมนี้เป็นสีอะไร เช่นมีกลิ่นกุหลาบผสมอยู่ เราอาจนึกถึง สีชมพู หรือสีแดง (หากมีกลิ่นกุหลาบโดดเด่นขึ้นมาเป็นพิเศษ) หรือหากคุณได้กลิ่นมะลิ คุณควรนึกถึงสีขาว กลิ่นหอมของไม้ น่าจะเป็นสีน้ำตาล กลิ่นใบไม้ ก็จะเป็นสีเขียว ฝรั่งจะอธิบายกลิ่นด้วยคำเหล่านี้ pink, red, white, green, honey
:: กลิ่นหอมนี้มืด หรือสว่าง หากนึกอะไรไม่ออก ให้คุณลองดมกลิ่นน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แล้วดมอีกครั้งหลังจากบีบมะนาวน้ำหอมผสมลงไป หรือลองเปรียบเทียบ กลิ่นไหม้ของเนื้อย่าง กับกลิ่นของผิวมะกรูด ฝรั่งจะอธิบายกลิ่นด้วยคำว่า bright, dark, grey
:: กลิ่นหอมนี้สดใส หรือทึบ ๆ ด้าน ๆ เช่นกลิ่นในกลุ่มเปลือกส้ม ผิวมะกรูด มะนาว เทียบกับกลุ่มกลิ่นดอกไม้ ใบไม้ และกลุ่มวานิลลา ยางไม้ เนื้อไม้ ไขมันสัตว์ ฝรั่งจะอธิบายด้วยคำว่า dull, vivid
:: กลิ่นหอมนี้ให้ภาพเป็นสีเดียว หรือมากกว่าหนึ่งสี คือเมื่อดมแล้ว มีกลิ่นเดียว หรือมีกลิ่นอื่น ๆแฝงมาด้วย นั่นหมายถึงมีลูกเล่น และสีสันซึ่งอธิบายด้วยคำว่า solid, colorful
:: กลิ่นหอมนี้มี embre effect หรือไม่ กรณีที่พูดถึงสี การทำ embre effect คือการไล่เฉดสีจากเข้มไปหาอ่อน และต้องใช้สีที่กลมกลืนกัน เช่นเดียวกัน หากคุณดมกลิ่นน้ำหอมแล้ว คุณควรหาให้เจอว่ามีการใช้ลูกเล่นนี้ในน้ำหอมด้วยหรือเปล่า
ผิวสัมผัส
ต่างจากประสาทสัมผัสส่วนอื่น ๆ ผิวสัมผัส หรือ Texture นี้ มีคำที่ใช้เพื่ออธิบายไม่มากนัก ในขณะที่ประสาทสัมผัสทางตา หู และลิ้น คุณสามารถเลือกคำ เพื่อใช้ในการอธิบายได้มากพอสมควร หลายคนอาจงุนงงกับการอธิบายกลิ่นหอมด้วยประสาทสัมผัส เพราะเชื่อว่า กลิ่นไม่มีพื้นผิวให้สัมผัส ซึ่งมันอาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ศิลปินที่รังสรรค์กลิ่นต่าง ๆ ออกมา มักมีคำกล่าวถึงผิวสัมผัสมากพอ ๆ กับประสาทสัมผัสส่วนอื่น ๆ เช่นคำว่า เนียน ละมุน บางเบา แต่อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่า การอธิบายกลิ่น คือการอธิบายความรู้สึก ซึ่งบางครั้งดูเหมือนว่า ไร้หลักการ และเหตุผล ที่ไม่มีคำว่า ถูก หรือ ผิด แต่อย่างใด แต่หากจะถามหาหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อชี้ให้เห็นถึงผิวสัมผัสของกลิ่นหอม นี่อาจเป็นคำตอบ คุณรู้อยู่แล้วว่าในน้ำหอม จะมีส่วนผสมอยู่อย่างมากมาย ทั้งสารธรรมชาติ และสารสังเคราะห์ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดที่ถูกเพิ่มเข้าไป ในฐานะของสารที่ให้กลิ่น มีบางรายการที่ถูกเพิ่มเข้าไป เพื่อฉายให้รู้สึกได้ถึงพื้นผิว ที่มีความกว้าง และถูกยกให้ลอยอ้อยอิ่งอยู่บนผิว ศิลปินใช้ส่วนผสมเหล่านี้ ในการสร้างเอฟเฟกต์ให้กับกลิ่น เช่น คีโตนสังเคราะห์ Iso E Supper
ผิวสัมผัสของกลิ่นหอม เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าถูกห่อหุ้มด้วย ผ้าขนสัตว์ที่อ่อนนุ่ม บางเบา หรือหนังสัตว์ที่หนา และกระด้างกว่าที่ปกป้องจากกลิ่นกายไม่พึงประสงค์ คุณสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับว่า คุณมีอารมณ์แบบไหน ซึ่งโลกของน้ำหอมพร้อมที่จะมอบให้
น้ำหอมมีส่วนผสมมากมายหลายชนิดให้เลือกใช้ เพื่อบ่งบอกถึงผิวสัมผัส ทั้งแข็ง และอ่อนนุ่ม หากคุณใช้น้ำหอมคราวต่อไป ให้คุณลองตอบคำถามเหล่านี้
:: น้ำหอมนี้ ให้ผิวสัมผัส แข็ง หรืออ่อนนุ่มแก่คุณ
:: ถ้าเปรียบน้ำหอมนี้กับผืนผ้า มันทำให้คุณนึกถึงผ้าชนิดไหน
:: น้ำหอมนี้ทำให้คุณรู้สึกลื่น หรือมีผิวสัมผัสขรุขระน่าสนใจ
:: น้ำหอมนี้ทำให้คุณคิดถึงอะไร
:: น้ำหอมนี้ ทำให้คุณรู้สึก อ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น หรือ หนาแน่น แข็ง และแห้ง
ฝรั่งจะมีคำอธิบายผิวสัมผัสของกลิ่นได้ดังนี้ soft, thick, hard, satin, silk, smooth, texture, cloth, squidgy, dense เป็นต้น
รส
ทำไมบางคนต้องปิดจมูก ในขณะที่กินยาขม ๆ มันทำให้รู้สึกขมน้อยลงหรือไม่ หากคุณต้องปิดจมูก เมื่อกินเค้กเจ้าดัง คุณรู้สึกว่ามันอร่อยน้อยลงได้จริงหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่บอกได้ว่า มีการเหลื่อมกันอย่างมากระหว่าง รสชาติ และกลิ่นหอม ในความเป็นจริงแล้ว กลิ่นไม่ได้มีรสชาติทางลิ้นสัมผัสเลย แต่คุณจะรู้สึกได้ว่า กลิ่นหอมของน้ำหอม มีรสชาติกับจมูกของคุณ ที่ไปสร้างความสัมพันธ์กับรสชาติทางลิ้นได้เป็นอย่างดี คุณอาจรู้สึกหิว เมื่อได้กลิ่นกระเทียมเจียว หรือเมื่อคุณได้กลิ่นของมะนาว มะม่วงเปรี้ยว มันทำให้คุณน้ำลายสอได้ง่าย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากนัก ที่จะอธิบายกลิ่นหอม ในภาพของอาหาร นอกเหนือจากคำอธิบายถึงรส เช่นเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม คุณจึงมีอะไรมากขึ้น ให้คุณใช้พูดถึง เช่น ลูกอม ขนมหวาน ส้ม มะนาว น้ำผึ้ง วานิลลา มาร์ชแมลโลว ผลไม้ ครีม เนย ถั่ว เครื่องเทศ ยาสูบ แน่นอนว่าคุณควรตั้งคำถาม หลังจากคุณสูดดมน้ำหอมได้ดังนี้
:: กลิ่นหอมนี้ กิน หรือดื่มได้หรือไม่
:: กลิ่นหอมนี้ มีรสชาติเป็นอย่างไร เปรี้ยว หรือหวาน
:: กลิ่นหอมนี้ ถ้ากินได้ มันจะอร่อยไหม
:: กลิ่นหอมนี้ ทำให้คุณนึกถึงอาหารอะไร
:: กลิ่นหอมนี้ ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นหรือไม่
ฝรั่งใช้คำอธิบายกลิ่น ในรูปแบบของรสชาติดังนี้ sweet, sour, fruit, citrus, honey, lemon, candy, sugar, marshmallows, meringue, refresh, delicious, vanilla
อารมณ์
น้ำหอมนี่สร้างอารมณ์ได้จริงไหม หากเอาให้สุดโต่งไปเลย เมื่อคุณถูกปิดตา ปิดหู ปิดปาก มีเพียงจมูกเท่านั้น ที่ให้คุณสัมผัสถึงสิ่งรอบตัวได้ คุณถูกผลักให้เดินไปในห้องที่มีซากเหม็นเน่า เพื่อไปสู่สวนที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ คุณจะมีอารมณ์แตกต่างกันหรือไม่ ดังนั้นคุณจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องถอดรหัสของ สิ่งที่กลิ่นกำลังพูดอยู่กับคุณให้ได้ว่า ผ่อนคลาย อดทน มึนเมา ชื่นใจ สดชื่น หรืออะไรก็ตามแต่ ที่จะทำให้คุณรับรู้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง ที่แสดงออกมาทางจิตวิญญาณ แล้วคุณจะได้สัมผัส และดื่มด่ำไปกับกลิ่นนั้น ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการตั้งคำถามดังต่อไปนี้
:: กลิ่นหอมนี้ มีความสัมพันธ์กับอารมณ์ของคุณหรือไม่
:: คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อสัมผัสกับกลิ่นหอมนี้ เช่น มีความสุข เศร้า อ้างว้าง เซ็กซี่ อ่อนไหว เข้มแข็ง กล้าหาญ ลึกลับ
:: มีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น
ซึ่งฝรั่งมีคำใช้แทนดังนี้ happy, strong, sensible, blown, mild, solid, masculine, manly, secret, sexy, blue
สถานที่ ผู้คน สิ่งของ
จากประสบการณ์ของเรา เมื่อผ่านชีวิตมาช่วงหนึ่ง การได้สัมผัสกับกลิ่นหอม จะช่วยให้เราจดจำ หรือหวนนึกไปถึง ผู้คน สถานที่ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นความทรงจำในอดีต ทำให้การอธิบายกลิ่นหอมนี้ เป็นที่ดึงดูดใจได้เสมอ หากคุณจะได้ปลดปล่อยความทรงจำ ผ่านกลิ่นหอมอันรัญจวนใจนี้ ใส่จินตนาการไปถึงบุคคล สถานที่ หรือสิ่งของต่าง ๆนั้น ลองถามหัวใจคุณดูว่า หากคุณได้กลิ่นนี้คุณนึกถึง ใคร ที่ไหน และอะไร ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้
:: น้ำหอมนี้ ทำให้คุณนึกถึงใครได้บ้าง ดารา นักร้อง หรือตัวละคร
:: น้ำหอมนี้ทำให้คุณนึกถึงที่ไหน ป่า สวน ทะเล โอโซน
:: น้ำหอมนี้ เตือนให้คุณนึกถึงสัตว์ หรือสิ่งของอะไรได้บ้าง
ซึ่งฝรั่งจะใช้คำอธิบายกลิ่นในลักษณะนี้ vintage, forest, wild, sea, ozone, leather, musk
บทสรุป
วิธีการอธิบายกลิ่นหอม คือการพูดถึงความรู้สึก ที่ไม่อาจบอกได้ว่ามันถูก หรือผิด ไม่มีคำศัพท์เฉพาะ ที่จะอุทิศให้กับการอธิบายกลิ่นหอม การตั้งคำถามกับตัวเอง และการอ้างอิงกับเรื่องราวในความทรงจำ และ ประสบการณ์ที่ผ่านมา ผ่านประสาทสัมผัสอื่น ๆ ที่เหลือ จะใช้เป็น วิธีการอธิบายกลิ่นหอม ได้ดีระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้เห็นภาพ หรือรายละเอียดเพิ่มขึ้น ที่คุณอาจใช้ประโยชน์สำหรับ การเลือกซื้อน้ำหอม นอกเหนือจากการศึกษาถึง ส่วนผสมต่าง ๆ และ การวางตำแหน่ง ของกลิ่นต่าง ๆ ให้กลมกลืน สร้างเอกลักษณ์ส่วนตัว เป็นที่ตราตรึงไปตราบนานเท่านาน